โดยสถานการณ์ “คนไทยคลั่งกันมาก” ในยุคนี้ส่วนใหญ่จะตามมาด้วยการ “ทำร้ายคน” โดยมีทั้งคนที่ไม่รู้จัก และไม่เว้นแม้แต่คนในครอบครัว…

“คลั่ง” มักจะ “เพราะปัญหาสุขภาพจิต”

และ “จากยาเสพติด!!” นี่ “ก็ใช่สาเหตุ”

ทั้งนี้… “การป่วยภาวะทางจิตประสาทที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือโรคจิตชนิดซึมเศร้า ซึ่งก็ก่อให้เกิดอาการคลุ้มคลั่งทำร้ายร่างกายตนเองหรือทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้… ในบางราย เมื่อมีการเสพสารเสพติดร่วมด้วย ก็จะก่อให้เกิดอาการประสาทหลอน เพ้อ ก้าวร้าว คลุ้มคลั่ง ควบคุมตนเองไม่ได้ ทำร้ายร่างกายตนเองและผู้อื่น…” …นี่เป็นหลักใหญ่ใจความสำคัญส่วนหนึ่งจากการระบุไว้โดย สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ในโอกาสที่ให้ข้อมูลประชาชนเกี่ยวกับขั้นตอนเบื้องต้นในการช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีการคลุ้มคลั่ง ซึ่งหน่วยงานนี้พบว่าสถิติการนำส่งผู้ป่วยฉุกเฉินจากภาวะ “คลุ้มคลั่ง” มีสูงลิ่ว!! โดยย้อนดูช่วงเดือน ม.ค. 2560 ถึง มิ.ย. 2561 ในช่วงปีครึ่งมีผู้คลุ้มคลั่งมากถึง 28,604 คน!!

ช่วงนั้นคลั่งเฉลี่ยกว่า 1,500 คน/เดือน

มาถึงช่วงนี้คงไม่น้อยกว่า-คงมากกว่า?

ขณะที่ประเด็น “ยาเสพติด-สารเสพติด” ที่ก็ถือว่าเป็น “ต้นเหตุทำให้คนมีปัญหาสุขภาพจิตจนเกิดภาวะคลุ้มคลั่งกลาดเกลื่อน!!” นั้น…ถึงช่วงนี้ตอนนี้ก็ “ยิ่งเป็นประเด็นที่สังคมไทยต้องตระหนัก” ซึ่งกับประเด็นนี้…ข้อมูลที่ทาง ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรมนักจิตวิทยา เคยสะท้อนผ่าน “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” ไว้ ก็ยังคงน่าพินิจ หรือจริง ๆ ต้องบอกว่า “ยิ่งน่าพินิจ” โดยพลิกแฟ้มดูกันถึงข้อมูลดังกล่าว โดยสังเขปมีว่า… ยาเสพติดทุกชนิดมีผลต่อสมองทั้งสิ้น!! แม้จะเลิกเสพแล้ว แต่สารเสพติดที่เคยเสพเข้าไปในร่างกายก็ยังคงมีผลอยู่ มันทำให้สมองเกิดเปลี่ยนแปลง มีผลทำลายสมอง

ทางผู้สันทัดกรณีด้านจิตประสาทชี้ไว้ว่า… ผู้ที่ใช้ยาเสพติดบ่อย ๆ เป็นเวลานาน แม้จะเลิกแล้ว แต่มันก็ทำให้สมองเกิดความเสียหายไปแล้ว!! โดยสิ่งที่ยังหลงเหลือในร่างกายคือพิษจากสารเคมีต่าง ๆ ที่มีผลต่อสมอง

สมองที่ถูกทำลายไปคือสมองส่วนความคิด สมองส่วนการควบคุมอารมณ์ ทำให้ไม่สามารถควบคุมความคิดได้ ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ ทำให้มีอารมณ์แกว่ง หงุดหงิดง่าย ก้าวร้าวทำให้มีผลต่อพฤติกรรมแสดงออกอย่างไม่เหมาะสม

ความคิด พฤติกรรม จะเกิด “ผิดเพี้ยน”

และถึงขั้น “คลุ้มคลั่ง” ก็ “จะเกิดขึ้นได้”

เมื่อสารเสพติดมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสารเคมีในสมองไปแล้วจะทำให้สมองเสื่อม ทำให้เกิดอาการทางจิตต่าง ๆ เช่น หวาดระแวง หูแว่ว ประสาทหลอน เห็นภาพหลอน ซึ่งเมื่อสภาพสมองเป็นเช่นที่ว่านี้แล้ว…หากมีสิ่งที่กระตุ้นก็มีโอกาสจะเกิดอาการควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ขาดการยับยั้งชั่งใจ ทำให้เกิดอาการ “คลุ้มคลั่งอาละวาด” ได้ง่าย ๆ จนนำสู่ความรุนแรงดังที่พบเห็นกันมากในยุคนี้ อย่างการคลั่งไล่ทำร้ายผู้อื่น หรือแม้แต่กับคนในครอบครัว

“การใช้สารเสพติด พิษร้ายจะติดอยู่ในร่างกายไปอีกนาน และสุดท้ายก็อาจเกิดอาการเสียความเป็นตัวตนของตัวเอง ประสาทหลอน คลุ้มคลั่ง ทำร้ายได้แม้แต่คนที่รัก!!” …ทาง ดร.วัลลภ ระบุไว้ พร้อมทั้งยังบอกไว้ด้วยว่า… หากพบคนที่เสพยาเสพติด หรือคนที่เคยเสพยาเสพติด มีพฤติกรรมแยกตัว โมโหง่าย เสียงดัง กระวนกระวาย มีความระแวงว่าจะมีคนมาทำร้าย หรือพูดว่าจะทำร้ายผู้อื่น ให้ออกห่าง!! ให้ระวัง!! แม้ว่าจะเป็นคนในครอบครัว โดยรีบแจ้งเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือ ให้มีการนำบุคคลนั้นไปดูแล เพื่อเป็นการป้องกันก่อนที่จะเกิดเหตุรุนแรง

ทั้งนี้ จากข้อมูลประเด็น“ยาเสพติดเป็นต้นเหตุทำให้คลุ้มคลั่งกลาดเกลื่อน!!” สลับมาดูกันที่ “คำแนะนำ” จากทาง สพฉ. มาดูคำแนะนำประชาชน “กรณีพบผู้ป่วยที่มีการคลุ้มคลั่ง” ในภาพรวม ๆซึ่งไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าเพราะเหตุใด โดยเป็นการเน้นที่ “การช่วยเหลือ” แต่ก็ “มีข้อควรระวัง” ด้วย โดยที่หลักใหญ่ใจความส่วนหนึ่งก็เป็นการป้องกันไว้ก่อน ซึ่งเรา ๆ ท่าน ๆ ก็ต้องสังเกต “คนที่เสี่ยงจะคลั่ง” แม้แต่คนใกล้ชิด ซึ่งถ้าจากที่เคยเป็นคนเรียบร้อยกลับกลายเป็นอารมณ์รุนแรง หัวเราะคนเดียว พูดคนเดียว ถ้าอย่างนี้ล่ะก็…ควรต้องรีบพาไปพบจิตแพทย์เพื่อทำการบำบัดรักษา

ส่วนกับ “คนที่กำลังคลั่ง” การจะให้ความช่วยเหลือโดยคนใกล้ชิดก็มีคำแนะนำคือ… รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ ซึ่งกรณีต้องการความช่วยเหลือทางการแพทย์ก็ โทร.1669 โดย ระหว่างรอเจ้าหน้าที่มาก็ต้องประเมินสถานการณ์ให้ดี ๆ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยทั้งต่อตัวผู้ที่จะช่วยและผู้ที่คลั่ง ซึ่งถ้าเป็นไปได้ก็พยายามบอกผู้ที่คลั่งว่าเราจะช่วย พร้อมจะทำตามที่ต้องการ พยายามแนะนำให้นั่งลงเพื่อคุยกัน ซึ่งถ้าผู้ที่คลั่งมีอาวุธ ถ้าสามารถทำได้ก็ต้องปลดอาวุธก่อน อย่างไรก็ตาม ถ้าประเมินแล้วว่าไม่ปลอดภัยก็ไม่ควรเสี่ยงใด ๆ ควรรอเจ้าหน้าที่มาดำเนินการ เพื่อช่วยเหลือ

“ภัยคลุ้มคลั่ง!!” ยุคนี้ ระบาดเกลื่อน!!”

“เรื่องร้าย” เรื่องนี้ ต้องเท่าทันกันไว้!!”

เพื่อ “ป้องกัน-แก้ไข” เพื่อ “ระวังตัว!!”.