รายงานจากแหล่งข่าวรัสเซียหลายกระแส และจากพื้นที่ซึ่งประกาศตัวเองว่าเป็น “สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์” และ “สาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์” ระบุว่า เกาหลีเหนืออาจส่งทหารร่วมรบในสมรภูมิยูเครน หลังรัฐบาลเปียงยางให้การยอมรับ และสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตกับสองสาธารณรัฐดังกล่าว เมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา และยังมีรายงานอีกว่า จะมีการส่งคนงานเกาหลีเหนือเข้าไปสนับสนุนความพยายามฟื้นฟู ในภูมิภาคทางตะวันออกของยูเครนอีกด้วย

แม้ยังไม่มีฝ่ายใดออกมายืนยัน แต่ความเป็นไปได้ของการส่งกองกำลังเกาหลีเหนือไปยูเครน ยังคงมีนัยสำคัญตามแนวโน้มก่อนหน้านี้ในการส่งกำลังพลในต่างประเทศ และผลประโยชน์ที่รัฐบาลเปียงยางและรัฐบาลมอสโกจะได้รับ

สำหรับเกาหลีเหนือ กองกำลังสนับสนุนต่อการทำสงครามในยูเครนไม่ใช่เรื่องไกลตัว เนื่องจากเคยต่อสู้กับสหรัฐในเวียดนาม และฝ่ายต่าง ๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐในสงครามภูมิภาคตะวันออกกลางมาแล้วหลายครั้ง หากรัฐบาลเปียงยางเชื่อว่ากองกำลังของตนสามารถมีอิทธิพลต่อแนวทางสงครามในยูเครนได้ มันจะยิ่งทำให้ความสนใจของชาติตะวันตกอยู่ในยุโรปตะวันออก และออกห่างจากเอเชียตะวันออกมากขึ้น รวมถึงการเพิ่มแรงกดดันต่อสหรัฐ ที่ยังคงถือเป็นประเทศคู่สงครามกันด้วย

CRUX

อนึ่ง การส่งกองกำลังของเกาหลีเหนืออาจได้รับทุนสนับสนุนจากรัสเซีย ซึ่งอาจอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงสินค้าโภคภัณฑ์, ยุทโธปกรณ์ทางทหาร และการสนับสนุนทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ของรัสเซียได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งประสบการณ์ที่มากขึ้นในการปฏิบัติการเคียงคู่กับกองกำลังรัสเซียอาจได้รับผลตอบแทนสูงด้วยเช่นกัน เนื่องจากทั้งสองประเทศต่างมีพรมแดน และศัตรูที่เผชิญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกร่วมกัน

นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างกับเกาหลีเหนือกับโดเนตสก์และลูฮันสก์ อาจมอบโอกาสที่สำคัญมากมาย เนื่องจากภูมิภาคที่แยกตัวไม่ใช่สมาชิกของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) จึงไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ที่คว่ำบาตรเกาหลีเหนือ ทำให้สองภูมิภาคข้างต้นเป็นพื้นที่เดียวในโลกที่รัฐบาลเปียงยางจะสามารถค้าขายได้อย่างอิสระ ไม่ถูกห้ามเหมือนกับประเทศสมาชิกยูเอ็นอย่างรัสเซีย

อย่างไรก็ตาม การอ้างอิงถึงบุคลากรเกาหลีเหนือที่เข้าร่วมเป็นแนวหน้าในฐานะ “อาสาสมัคร” บ่งชี้ว่า การส่งกองกำลังอาจไม่ได้ทำอย่างเป็นทางการภายใต้ “กองทัพประชาชนเกาหลี” และสิ่งนี้อาจสะท้อนถึงการแทรกแซงของจีนในสงครามเกาหลีครั้งก่อนหน้านี้ โดยมีจุดประสงค์ที่คล้ายกันคือ เพื่อหลีกแสดงการแสดงตัวว่า เกาหลีเหนือทำสงครามกับยูเครนและประเทศต่างชาติที่ให้การสนับสนุนอย่างเป็นทางการ

ยิ่งไปกว่านั้น การส่งกำลังพลจะเป็นการพิสูจน์ความแข็งแกร่งของเกาหลีเหนือ ต่อกองกำลังของสหรัฐและประเทศมหาอำนาจชาติตะวันตกอื่น ๆ โดยตรง ดังเช่นการกล่าวถึงสหรัฐที่จัดตั้ง “เครือข่ายลับของหน่วยคอมมานโดและสายลับ เพื่อจัดหาอาวุธ ข่าวกรอง และการฝึกภายในพรมแดนของยูเครน”.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : REUTERS