ผลงานออกมาให้ชมอย่างต่อเนื่อง สำหรับนางเอกสาว ฐิสา-วริฏฐิสา ลิ้มธรรมมหิศร ที่หลังจากสร้างความประทับใจใน “สายเลือดสองหัวใจ” ล่าสุดเจ้าตัวขอท้าทายฝีมือการแสดงอีกครั้งใน “เข็มซ่อนปลาย” ละครดราม่ารสเข้มข้น ทางช่อง 7HD ที่ครั้งนี้เธอได้พลิกบทบาทสุดแซ่บ พร้อมประชันฝีมือกับนางเอกรุ่นพี่ ตัวแม่ของวงการ อย่าง นุ่น-วรนุช ภิรมย์ภักดี งานนี้ “ดาวต่างมุม” เลยไม่รอช้า ไปพูดคุยกับฐิสาถึงความทุ่มเทในผลงานครั้งนี้ รวมทั้งเปิดเส้นทาง 11 ปีในวงการ ที่เธอใช้วิธีปล่อยวางมากขึ้น ในการเอาชนะดราม่าต่าง ๆ นอกจากนี้ยังไม่พลาดอัพเดทเรื่องความรักที่ ฐิสา แอบแง้มว่าไม่มีสเปกเป็นพิเศษ แค่ขอคนที่อยู่ด้วยแล้วมีความสุขมากกว่าที่ฐิสาอยู่คนเดียวก็พอ!
ถามถึงบทบาท “เฉิด” ใน “เข็มซ่อนปลาย” คาแรกเตอร์เป็นยังไง และเตรียมตัวมารับบทครั้งนี้ยังไงบ้าง?
“คาแรกเตอร์ “เฉิด” เป็นผู้หญิงตรง ๆ เป็นคนที่ใครทำอะไร ก็ทำกลับ ดีมาดีกลับ ร้ายมาก็ร้ายกลับ แต่ไม่คิดที่จะทำร้ายใครก่อน ถ้าเขาไม่ทำเราก่อน และเป็นคนที่เชื่อมั่นในความคิดของตัวเองสูง หัวรั้น ค่อนข้างใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล ซึ่งการเตรียมตัวรับบทนี้คือก่อนถ่ายทำจะมีการเวิร์กช็อปกับนักแสดงในเรื่องหลาย ๆ คน เพื่อที่จะได้เตรียมตัวว่าคาแรกเตอร์เป็นยังไง ทำความเข้าใจตัวละครกันก่อนค่ะ”
การแสดงครั้งนี้พลิกคาแรกเตอร์จากที่แสดงมายังไงบ้าง?
“คิดว่าหลายคนน่าจะเห็นว่าส่วนมากฐิสาจะเล่นบทดราม่า เป็นบทที่เหมือนโดนกระทำมากกว่าที่จะไปกระทำคนอื่น เรื่องนี้ก็จะเป็นอีกเรื่องที่ได้สู้คนอย่างชัดเจน เหมือนอย่างที่หลายคนอยากเห็นฐิสาเล่นแบบนี้ ส่วนความท้าทายสำหรับบทบาทครั้งนี้ คือด้วยความที่ตัว “เฉิด” เป็นคนที่ไม่ยอมใคร ใครทำอะไร เขาก็สู้กลับ มันเลยต้องใช้พลังกับตัวละครนี้เยอะมากในทุกฉากเลย ส่วนเลิฟซีนจะมีมากน้อยแค่ไหน จริง ๆ อยากให้ฝากติดตามในละคร แต่บอกได้ว่าค่อนข้างแซ่บและคิดว่าน่าจะถูกใจหลายคนแน่นอนค่ะ”
การได้ร่วมงานกับนักแสดงมากฝีมือ อย่าง “นุ่น วรนุช” ที่ต้องเชือดเฉือนกัน เป็นยังไงบ้าง?
“การได้มาร่วมงานกับพี่นุ่น ก็รู้สึกดีใจมาก เพราะพี่นุ่นน่ารักและใจดี เป็นกันเองทั้งกับทีมงานและทุกคนมาก ๆ นะคะ มันเหมือนเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งที่เราได้แสดงกับรุ่นพี่ที่เก่งขนาดนี้ ก็คิดว่าไม่ได้มีโอกาสง่าย ๆ ที่จะมาร่วมงานกับพี่นุ่นค่ะ”
แฟน ๆ หลายคนกังวลว่าเราอาจโดน “นุ่น” กลบ ตรงนี้เรามีความกังวลบ้างมั้ย หรือมีมุมมองต่อเรื่องนี้ยังไง?
“ฐิสาไม่ได้คิดมุมนี้เพื่อกดดันตัวเองในการทำงานเลย เราก็ตั้งใจในส่วนของเราให้ออกมาดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เรารับหน้าที่มาเป็น “เฉิด” เราก็พยายามและตั้งใจกับมันมาก ๆ ซึ่งสิ่งที่ได้เรียนรู้จากพี่นุ่น คือพี่นุ่นจะคอยบอก คอยสอน ให้เราเล่นประมาณนี้ดีมั้ย เราพูดแบบนี้ดีมั้ย ไม่ใช่แค่สอนฐิสา แต่พี่เขาจะคอยบอกน้อง ๆ นักแสดงคนอื่นด้วย พี่นุ่นน่ารักมากค่ะ”
คิดว่าบท “เฉิด” ทำให้ได้พัฒนาด้านการแสดงยังไง?
“บทนี้ท้าทายหลายอย่างมาก จะเป็นการแสดงอีกทางหนึ่งที่ปกติฐิสาไม่ค่อยได้เล่นบทแบบนี้ เรื่องนี้ค่อนข้างดราม่าไปอีกแบบ ด้วยคาแรกเตอร์ “เฉิด” ก็มีความยากในการแสดงอีกรูปแบบนึง ซึ่งสิ่งที่ประทับใจจากกองถ่ายละครนี้คือเวลาที่ทำงาน ทุกคนน่ารักมาก ไม่ว่าจะเป็นนักแสดง ทีมงาน เบื้องหน้าหรือเบื้องหลัง กองนี้ก็อบอุ่นมาก อย่างพี่นุ่นเราไม่เคยร่วมงานกันมาก่อน คืออาจเคยเจองานข้างนอก แต่พอได้มาทำงานด้วยกันก็รู้สึกว่าน่ารักมาก และสบายใจทุกครั้งที่ได้มาทำงานที่กองถ่ายนี้ รู้สึกว่าเราอยากมากองนี้ อยากตั้งใจทำงาน ส่วนเรื่องการทำงานก็ไม่ได้ห่วง เพราะทุกคนเต็มที่กับบทบาทของตัวเองมาก ๆ สำหรับความคาดหวังกับการแสดงครั้งนี้ ก็เป็นอีกเรื่องนึง อีกคาแรกเตอร์นึงที่ฐิสาอยากให้ทุกคนลองเปิดใจกับตัว “เฉิด” แล้วแต่ความชอบ ของแต่ละคน ที่อาจชอบแนวละครไม่เหมือนกัน เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ฐิสาและนักแสดงทุกคนทุ่มเทมาก ๆ อยากให้ทุกคนที่ได้ดูรักละครเรื่องนี้เหมือนกัน ฝากให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้ทีมงานและนักแสดงทุกคนด้วยค่ะ”
ถามถึงมุมมองต่อการแข่งขันในวงการบ้าง?
“หนูมองว่าเป็นเรื่องปกติค่ะ ที่มันต้องมีคนใหม่ ๆ เข้ามา และมันอาจมีคนที่อยู่แล้ว ก็อยู่ต่อไป หรือเฟดออกไป ไม่ใช่แค่วงการบันเทิง เรารู้สึกว่าทุกอาชีพ ทุกวงการ เลยมองว่าเป็นเรื่องปกติที่ต้องเจอ และตัวเราตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ก็ไม่เคยคิดแข่งขันกับใคร อยากที่จะแข่งกับตัวเองมากกว่า พัฒนาตัวเอง ถ้าเรามีโอกาสที่จะทำงานตรงนี้ เราก็อยากเก็บโอกาสนั้น และทำงานต่อไปให้ได้ดีค่ะ”
กว่าจะขึ้นมาเป็นนางเอกที่มีแฟนคลับและผลงานมาก มายในวันนี้ ต้องผ่านความพยายามมากมาย เอาจริง ๆ เราเคยรู้สึกเหนื่อยหรือท้อกับการทำงานในวงการบ้างมั้ย?
“มีเยอะค่ะ (หัวเราะ) ที่รู้สึกดาวน์ ๆ เหนื่อยบ้าง ท้อบ้าง เป็นเรื่องปกติ มันก็เป็นช่วงชีวิตที่ทุกคนต้องเจออยู่แล้ว เราก็มีบ้างที่บางทีตั้งใจไปแล้ว แต่อาจไม่ได้เป็นไปตามที่เราตั้งใจไว้ เราเสียใจได้ แต่ยังไงเราก็ต้องมูฟออนต่อ และทำวันต่อไปให้มันดี ส่วนวิธีเอาชนะความเหนื่อยหรือท้อ คือหนูเป็นคนที่ยิ่งเครียดยิ่งกินเลย เพราฉะนั้นจะเครียดมากไม่ได้ (ยิ้ม) จริง ๆ ก็คงยอมรับให้ได้ค่ะ ถ้ามันเป็นปัญหา เราแก้ไม่ได้ ก็ต้องปล่อยให้มันผ่านไป เพราะสุดท้าย มันเกิดขึ้นแล้วเดี๋ยวมันก็ต้องผ่านไปค่ะ”
ณ วันนี้มีวิธีรับมือเวลาที่เจอดราม่าต่าง ๆ ยังไง?
“ถ้าเป็นสิ่งที่ต้องเจอเราก็คงเลี่ยงไม่ได้ค่ะ ก็ต้องเจอ และต้องปล่อยให้มันผ่านไป ถ้าเป็นปัญหาที่แก้ได้ เราคงแก้ให้มันดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ถ้าแก้ไม่ได้ ก็ต้องยอมรับให้ได้ และมันต้องมันผ่านไปค่ะ ”
ตลอด 11 ปีในวงการ คิดว่าตัวเอง ณ วันนี้มีอะไรที่เหมือนหรือต่างจากวันแรกที่เข้ามาในวงการ และเติบโตขึ้นมากน้อยแค่ไหน?
“เติบโตขึ้นเยอะมากค่ะ คือตั้งแต่วันแรกที่ทำอะไรไม่เป็นเลย จนถึงวันนี้ทุกอย่างก็เติบโตขึ้น ความรับผิดชอบมีมากขึ้น มุมมองความคิด การใช้ชีวิตก็เปลี่ยนไป จากวันแรกที่เราเล่นละครก็ไม่เป็น ทำการบ้านไม่เป็น ทั้งความคิด การแสดงออกของเรา คือเราก็ยังเป็นเราคนเดิมตั้งแต่วันแรก เราคิดว่าตัวเองไม่ได้เปลี่ยนนะแต่เราโตขึ้น ทุกวันนี้เราก็เป็นเหมือนเดิม เพียงแต่อาจนิ่งขึ้น มุมมองหลายอย่างก็เปลี่ยนไปมากขึ้น แต่ยังไงก็เป็นคนเดิมค่ะ”
สตรองขึ้นมั้ย เวลาที่เจอเสียงวิจารณ์?
“ใช่ค่ะ ก็อาจสตรองมากขึ้น (หัวเราะ) ปล่อยวางได้มากขึ้น ไม่ได้เก็บทุกอย่างมาคิดมากขนาดนั้น จริง ๆ เป็นคนที่ค่อนข้างเก็บ ไม่ค่อยแสดงออกว่าเสียใจหรือรู้สึกยังไง และมันก็จะเครียดเอง แต่ว่าพอเราโตขึ้น ก็รู้สึกว่าอะไรที่ปล่อยได้ก็ปล่อยไปค่ะ”
ตอนนี้อยากประสบความสำเร็จในวงการนี้ยังไง?
“จริง ๆ ที่เราอยู่ทุกวัน ถ้ามองว่าเราประสบความสำเร็จมั้ย เราก็เป็นแบบนั้นแล้วนะ ด้วยความที่เราไม่ได้คาดหวังตั้งแต่แรกว่าเราจะถึงจุดนี้ได้ มันก็ไกลเกินที่เราฝันไว้แล้ว เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะมาอยู่ในวงการด้วยซ้ำ จากประสบการณ์ชีวิต สิ่งที่ผ่านมา สิ่งที่เรียนมา เราก็ไม่คิดว่าฉันจะทำงานตรงนี้ได้”
ถามเรื่องความรักบ้าง ณ ตอนนี้ “ฐิสา” เปิดใจรึเปล่า?
“ในเรื่องความรักไม่ได้ปิด ก็เปิดใจ ถ้ามีใครเข้ามา ก็พร้อมที่จะคุย ซึ่งคนที่จะเอาชนะใจเราได้ ก็ไม่มีสเปกเป็นพิเศษ แต่น่าจะเป็นคนที่เราอยู่ด้วยแล้วสบายใจ ที่เราสามารถเป็นตัวของตัวเองได้”
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้เราเลือกมากขึ้นมั้ย หรือรักคนยากขึ้นมั้ย?
“สเปกน่าจะลดลงด้วยนะ (ยิ้ม) ยิ่งอายุเยอะ ยิ่งคาดหวังอะไรมากไม่ได้ (หัวเราะ) แต่ปกติก็ไม่ได้เป็นคนที่มีสเปกอยู่แล้วค่ะ ก็คุยกับคนที่เราสบายใจ หรือคนที่เราเคยเจอเคยคุยกันมาก่อน ถ้าบางทีอยู่ ๆ ทักมาคุยเลย เราไม่รู้จัก เราจะไม่กล้าคุยเลย ไม่รู้จะคุยอะไร เพราะว่าเราไม่รู้จัก มันจะเกร็ง ๆ นิดนึง ไปต่อไม่ถูก แต่ถ้าได้เจอกันบ้าง ได้เห็นและรู้ว่าคนนี้คือใคร มันก็ยังพอลองคุยดูได้ค่ะ”
มีอะไรที่เรารู้สึกว่าต้องระวังเรื่องความรักเป็นพิเศษรึเปล่า?
“จริง ๆ เราไม่ได้คิดว่าจะอะไรขนาดนั้น แต่เรารู้สึกว่ายิ่งโตก็จะยิ่งพยายามคาดหวังกับอีกคนให้น้อยลง ด้วยความที่เรารู้สึกว่าการที่เราจะมีความรัก แต่ก่อนตอนเด็ก ๆ ก็ยอมรับว่าค่อนข้างคาดหวัง อยากให้มันเป็นแบบนี้ ดีแบบนี้ แต่พอโต เราจะคิดอีกแบบ เราไปคาดหวังกับคนอื่นไม่ได้หรอก ไม่ใช่แค่เรื่องความรัก แต่หมายถึงทุกเรื่องที่เราเจอ เราคาดหวังหรือปรับเปลี่ยนคนอื่นไม่ได้ แต่ว่าทุกอย่างอยู่ที่ตัวเราด้วย”
ในฐานะที่เป็นนักแสดงมีแฟนคลับ แฟนละคร มีมุมมองที่ดาราจะมีความรักยังไงบ้าง จะบาลานซ์ทั้งน้ำใจแฟนคลับและให้เกียรติคนรักเรายังไง?
“จริง ๆ เชื่อว่า ณ เวลานี้เขาค่อนข้างเข้าใจเราอยู่แล้ว แต่ก่อนเขาก็เข้าใจแหละ แต่มันก็ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัยด้วย ตอนนี้ก็ค่อนข้างเปิดกว้างมากขึ้น และแฟนคลับเราเองก็อยากให้เรามีบ้างแล้วแหละ (หัวเราะ) ถึงวัยนี้แล้ว น่าจะหวงกันน้อยลงบ้างแล้ว”
ท้ายสุดนิยาม “ความรัก” ของ “ฐิสา” ในเวอร์ชั่น 2022 เรามีคำจำกัดความว่ายังไง?
“สำหรับความรักของฐิสา ไม่มีคำจำกัดความค่ะ แต่เรารู้สึกว่าถ้าคนๆหนึ่งจะเข้ามาในชีวิตเรา ถ้าเขาทำให้เรารู้สึกว่าอยากอยู่กับเขา หรือมีความสุขมากกว่าที่เรามีความสุขด้วยตัวเอง ก็คือคนนี้แหละ เพราะว่าทุกวันนี้เราสามารถมีความสุขด้วยตัวเองได้ค่ะ ไม่มีอะไรซับซ้อนเลย แต่เราก็อยู่กับปัจจุบันด้วย ไม่ใช่เราคิดว่า พอเรามีแฟนเราต้องมีความสุขทุกวัน หนูไม่ได้คิดแบบนั้นนะ คือทุกวัน การที่จะมีอีกคนเข้ามา ขนาดคนในบ้านเดียวกัน ยังทะเลาะกันเลย แต่อีกคนก็มาจากไหนไม่รู้ มันต้องมีการปรับจูนกันอยู่แล้ว แต่เราจะยอมรับตรงนั้นของเขาได้มั้ย ในสิ่งที่ไม่เข้าใจกันได้มั้ย และถ้าเขาเข้ามาแล้วเราแฮปปี้กับการที่มีเขา มากกว่าที่เราอยู่คนเดียว”
นี่คือทั้งหมดของความเป็น “ฐิสา” ที่ 11 ปีที่ผ่านมาในวงการได้หล่อหลอมให้เธอกลายเป็นอีกหนึ่งนางเอกที่พร้อมสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพ ควบคู่ไปกับการพัฒนาเรื่องจิตใจที่สตรองจนสามารถก้าวผ่านทุกดราม่าได้อย่างสวยงาม!.
วันวิสาข์ ดอกเงิน
