หากพูดถึง “โรคด่างขาว” แล้ว หลายๆ คนอาจจะเคยเห็นคนดังที่เป็นโรคนี้จนเป็นที่พูดถึงอย่าง “วินนี ฮาร์โลว์ (Winnie Harlow)” นางแบบสาวที่ไม่ยอมปล่อยให้โรคด่างขาวมาเป็นอุปสรรคและทำลายความฝันของเธอ และเลือกที่จะทำตามฝัน ซึ่งความป่วยด้วยโรคด่างขาวของเธอนั่นเอง ทำให้เกิดเป็นเอกลักษณ์ จนวันนี้ได้กลายเป็นนางแบบระดับโลกที่เหล่าดีไซเนอร์ต่างพากันจับตามอง

แต่อันที่จริงแล้ว.. “โรคด่างขาว” คืออะไร เกิดจากกอะไร สามารถรักษาหายได้หรือไม่? วันนี้ “Healthy Clean” ได้พามาพูดคุยกับ รศ.พญ.นฤมล ศิลปอาชา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย ภาควิชา ตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้กล่าวว่า “โรคด่างขาวเป็นโรคผิวหนังที่มีการทำลายเซลล์สร้างเม็ดสีของผิวหนัง ทำให้ไม่มีการสร้างเม็ดสีเมลานินตามปกติ”

โดยจะเกิดรอยโรคสีขาวชัดเจนตามมา “โรคด่างขาวพบได้ร้อยละ 0.5 ถึง 2 ของประชากรทั่วโลก พบในเพศหญิงเท่ากับเพศชายและพบได้ทุกช่วงอายุ” โดยพบบ่อยในสองช่วงอายุ คือ ในเด็กช่วงอายุ 1 ถึง 10 ปี และผู้ใหญ่ช่วงอายุ 20 ถึง 50 ปี โรคด่างขาวพบได้ 2 ชนิดหลักคือ โรคด่างขาวชนิดกระจายและโรคด่างขาวชนิดเฉพาะส่วน ซึ่งแต่ละแบบมีสาเหตุและการดำเนินโรคแตกต่างกัน ส่วนสาเหตุของโรคด่างขาว เกิดจากหลายสาเหตุประกอบกัน เช่น พันธุกรรม สารเคมี การบาดเจ็บที่ผิวหนังและที่สำคัญมีการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้มีการทำลายเซลล์สร้างเม็ดสีที่ผิวหนัง เกิดเป็นผื่นด่างขาวตามมา

โรคด่างขาวนั้น จะมีความแตกต่างกับโรครอยขาวชนิดอื่น ๆ โดย “โรคด่างขาวจะเห็นผื่นสีขาวคล้ายชอล์กขอบเขตเรียบแยกจากผิวหนังปกติได้ชัดเจน สามารถพบรอยโรคด่างขาวได้ทุกตำแหน่งของร่างกายรวมถึงเยื่อบุ” ส่วนใหญ่ไม่มีอาการแต่บางรายมีอาการคันบริเวณรอยโรคได้ พบมีผมหรือขนสีขาวร่วมด้วยได้บ่อยโดยเฉพาะโรคด่างขาวชนิดเฉพาะส่วน การที่พบผมหรือขนมีสีขาวเกิดจากเซลล์สร้างเม็ดสีในรากผมหรือขนถูกทำลาย ในรายที่มีผิวขาวมากหรือเป็นโรคด่างขาวในช่วงแรกอาจเห็นรอยโรคไม่ชัดเจน แพทย์อาจใช้การตรวจเพิ่มเติมเช่นการใช้ไฟบางชนิดส่องดูรอยโรค (Wood’s lamp) จะช่วยทำให้เห็นรอยขาวชัดเจนยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังมีโรคผิวหนังอีกหลายโรคที่มีลักษณะคล้ายกับโรคด่างขาว เช่น โรคเกลื้อน โรครอยขาวจากการอักเสบ ซึ่งสามารถตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติมเพื่อแยกโรคได้การรักษา

โรคด่างขาว มีหลายวิธี ขึ้นกับชนิด และตำแหน่งของรอยโรค การรักษาหลักประกอบด้วย การใช้ยาทา ยารับประทานการฉายแสงอาทิตย์เทียม และการผ่าตัดปลูกถ่ายเม็ดสี ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้การรักษาแบบควบคู่กัน เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น การตอบสนองต่อการรักษาขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ที่สำคัญคือ
1.ตำแหน่งของรอยโรค พบว่าด่างขาวบริเวณใบหน้า คอ จะมีการตอบสนองที่ดีกว่าด่างขาวบริเวณมือ เท้า
2.ระยะเวลาที่เป็นโรคก่อนมารักษา ถ้ามารักษาเร็วภายในเวลา 1 ถึง 2 ปี มักมีการตอบสนองที่ดีกว่ารอยขาวที่เป็นมาระยะเวลานาน และ
3.ชนิดของด่างขาว โรคด่างขาวชนิดเฉพาะส่วน มักไม่ค่อยมีการกระจายหรือลุกลามของรอยโรค แต่มีการตอบสนองต่อการรักษาค่อนข้างช้า ส่วนโรคด่างขาวชนิดกระจายจะมีการตอบสนองที่ดีกว่าในบางตำแหน่ง สำหรับการกลับเป็นซ้ำของโรคพบว่า โรคด่างขาวชนิดกระจายมีโอกาสกลับเป็นซ้ำได้หลังการรักษา ซึ่งต้องอาศัยการติดตามอย่างต่อเนื่อง

“โรคด่างขาวนั้น ตัวผื่นด่างขาวเองไม่มีอันตราย แต่โรคด่างขาวสามารถพบร่วมกับโรคทางระบบอื่นได้ที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน” เช่น โรคออโตอิมมูนไทรอยด์ โรคผมร่วงหย่อม สำหรับการเกิดมะเร็งผิวหนังในผู้ป่วยโรคด่างขาวยังไม่พบว่ามีอุบัติการณ์ที่เพิ่มขึ้นชัดเจน

ดังนั้นโรคด่างขาวเป็นโรคผิวหนังที่พบได้บ่อย เป็นโรคที่ใช้ระยะเวลานานในการรักษา ผลการรักษาอาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน จึงจำเป็นต้องอธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจ ให้กำลังใจและพูดคุยความคาดหวังที่เป็นจริงกับผู้ป่วย การวินิจฉัยที่ถูกต้องและการรักษาอย่างรวดเร็วจะมีประสิทธิภาพดีกว่าการรักษาช้า..

………………………………………….
คอลัมน์ : Healthy Clean
โดย “พรรณรวี พิศาภาคย์”