แม้ในหนัง Avengers: Infinity War เราได้เห็นภาพของ วายร้ายมันม่วง หรือ “ทานอส” จับเอา “โลกิ” มาหักคอด้วยมือเปล่า แต่ในหนัง Avengers: Endgame  เหล่าฮีโร่ได้ย้อนเวลาไปหาอินฟินิตี้สโตน แล้วพลาดทำให้ “โลกิ” เผ่นหนีไปได้พร้อมกับอัญมณี “Space Stone” หรือ TESSERACT นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของ ซีรีส์เรื่อง “โลกิ” ใน Disney+ โดยเรื่องนี้  “ทอม ฮิดเดิ้ลสตัน” จะกลับมาเล่นเป็นเทพเจ้าแห่งการหลอกลวงอีกครั้ง ซึ่งเจ้าตัวถูกได้ไปให้สัมภาษณ์ทางสื่อรายการทีวีในสหรัฐว่า ในซีรีส์เรื่องนี้จะเผยคำตอบว่า “….โลกิ ตายไปแล้วจริง ๆ หรือเปล่า… รวมไปถึงความลับของ Cosmic Cube หรือ กล่องจักรวาลด้วย…”  

เช่นนี้แล้ว แฟนหนังจากค่ายมาเวล คงไม่กล้าปฏิเสธที่จะชมภาพยนตร์ที่สานต่อเรื่องราวจาก Avengers: Endgame อย่างแน่นอน แม้ว่าก่อนหน้านี้ทางค่ายจะโชว์เรื่องราวของ “แวนด้าวิชั่น” จนเกือบกลายเป็นหนังสยองขวัญ หรือ จัดหนักจัดเต็มกับความดราม่าการเมือง ปัญหาคนผิวสีและการแย่งถิ่นฐานอาศัยในอเมริกา จากหนัง “เดอะฟอลคอนและเดอะวินเทอร์โซลเจอร์” มาแล้วก็ตาม

เรื่องย่อ “โลกิ” 

เมื่อเทพเจ้าแห่งวายร้าย ผู้เป็นน้องชายของ “ธอร์” เทพเจ้าสายฟ้า วาร์ปตัวเองเพื่อหนีการจับกุมของกลุ่ม Avengers ใน Timeline ปี 2012 ก่อนจะมาโผล่มาอีกยุคสมัย แต่ยังไม่ทันจะแผลงฤทธิ์กลับกลายเป็นโดน ตำรวจเวลา (Time Variance Authority) หรือ TVA ตามรวบตัวได้ง่าย ๆ แม้ “โลกิ” เขาพยายามหนีหลายครั้งแต่….ก็ไม่รอด สุดท้ายต้องเข้าไปให้การกับ “ตุลาการแห่งการเวลา” ซึ่งเขาก็ยอมรับในทุกอย่าง ไม่มีการซัดทอดหรือกล่าวโทษใคร นั่นจึงทำให้  “มิสเตอร์ มอเบียส”(รับบทโดย โอเวน วิลสัน) ตำรวจฝ่ายสืบสวนTVAมองเห็นภูมิปัญญาของเขาและขอให้เขามาร่วมงาน เพื่อปราบปรามฆาตกรที่เข่นฆ่าทีมงานตำรวจ ที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็หาร่องรอยไม่เจอ แน่นอนว่า “โลกิ” ไม่มีทางที่จะยอมช่วยเหลือ แต่เพราะเขาอยากรู้ว่าที่แท้จริงแล้ว ฉากหลังของ “ตุลาการ”  เป็นใครกันแน่ จึงยอมทำงานให้พร้อมกับข้อแลกเปลี่ยน คือ ขอเข้าพบตุลาการตัวจริงเพื่อจะได้พาเขากลับไปในเส้นเวลาที่เขาอยากจะไป เมื่อทุกอย่างพร้อม ทั้งโลกิ และ มอเบียส ต่างก็ไล่สืบหาฆาตกรร้ายในทันที… 

จุดเด่นของ “โลกิ” 

ตัวหนังเล่ามาแบบตรงไปตรงมา เน้นให้ “ทอม ฮิดเดิ้ลสตัน” ที่แสดงเป็นโลกิ ดำเนินเรื่องไปเรื่อย ๆ สำหรับบทบาทในการชักจูงผู้คน ด้วยคารมหรือการชักใยอยู่เบื้องหลังเป็นสิ่งที่ตัวร้ายคนนี้ถนัดที่สุด แต่ถ้าชมภาพยนตร์ตัวอย่างแล้ว คราวนี้กลายเป็นตรงกันข้าม ผู้ชมจะได้เห็นมุมมองของตัวร้ายแบบ “เด็กเลี้ยงแกะ” ที่พยายามโกหกแต่ก็ไม่มีใครเชื่อ แล้วพอพูดความจริงก็ยิ่งไม่มีใครเชื่อเข้าไปใหญ่ แต่กลับกลายเป็นตัวแปรที่สำคัญ เพื่อทำให้ความจริงปรากฏขึ้นได

ขณะที่ตัวละครอย่าง “มิสเตอร์ มอเบียส” ที่บททำให้ดูซีเรียสและกวนโอ้ยเพื่องัดข้อกับ “โลกิ” ตลอดเวลา ปรากฏว่าเคมีของตัวละคนทั้งสองเข้ากันได้ดีเป๊ะ รับมุกกันได้โบ๊ะบ๊ะ และสุดท้ายที่ถือเป็นไฮไลท์เล็ก ๆ ก็คือฟุตเทจสั้น ๆ จากหนัง  Avengers: Endgame ที่ปูพื้นเรื่องให้เชื่อมต่อกัน ก่อนจะเข้ามาสู่เส้นเรื่องของตำรวจ TVA

จุดด้อยของ “โลกิ”

ใครจะไปคิดว่าหนังแนวสืบสวน จะมีฉาก CG แบบ  Avengers: Endgame ยิงกันซัดดาวแทบแตก แต่ดันทำเป็นแค่ทางผ่าน น่าเสียดายความอลังการ น่าจะจัดหนักจัดเต็มไปเลย มาโชว์เคสให้เห็นตอนช่วงท้าย ๆ ดูยังไงก็ไม่สุด ขณะที่ช่วงแรกบทคุยเยอะจนดูเฉื่อย ซึ่งถ้าไม่ตั้งใจดูก็จะไม่เข้าใจเส้นเรื่องอีก (บางทีก็อาจชวนให้หลับได้) ซีรีส์เรื่องนี้ แม้จะไม่มีฉากเลือดตกยางออก แต่ก็ยังมีฉากต่อสู้ที่ดูโหดร้ายชนิดแทงกันตาย พ่อแม่ผู้ปกครองควรจะพูดคุยทำความเข้าใจกับบุตรหลานและเด็ก ๆ ก่อนรับชมด้วยนะครับ

5/5 สำหรับเรื่องราวความแปลกใหม่และมุมมองของวายร้ายที่มีต่อเหล่าฮีโร่ จนสะท้อนแนวคิดที่ว่า “…ในดีอาจมีร้าย และในร้ายก็อาจมีดี…” มีเส้นเรื่องให้ชวนสงสัย พลพรรคใหม่ ๆ แต่ก็พอคาดเดาเนื้อหาได้ไม่ยาก….  

***************************************************
คอลัมน์ : ดูหนังกับหมี
โดย : แพนด้าอ้วน

ขอบคุณข้อมูล ภาพจาก เว็บไซต์ Youtube และ Disney+