ยุซรอ มัร์ดีนีย์ เป็นชาวซีเรีย เกิดที่กรุงดามัสกัส เธอรักการว่ายน้ำตั้งแต่เด็ก
แต่เมื่อเกิดกระแสการปฏิวัติในตะวันออกกลาง (อาหรับสปริง) ผู้คนพากันลุกออกมาต่อต้านประธานาธิบดี บะชาร อัล อะซัด ผู้นำเผด็จการ
ทำให้เกิดสงครามกลางเมืองที่ยาวนานกว่า 10 ปี มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 5 แสนคน
เธอต้องเอาตัวรอด มัร์ดีนีย์ และครอบครัวจึงตัดสินใจหนีจากบ้านเกิดในปี 2015
โดยนั่งเครื่องบินจากซีเรีย ผ่านเลบานอน ไปลงที่ตุรกี เพื่อพบกับแก๊งลักลอบพาคนหลบหนีเข้าเมือง ที่นัดหมายไว้ และจ่ายเงินไปแล้ว
ที่ตุรกี เธอต้องรอเรือที่จะพาไปกรีซ อยู่ในป่านาน 4 วัน ไม่มีอาหารและน้ำดื่ม
แต่พอได้ออกเรือ เรือกลับเสียกลางทะเล ทำให้เธอ และพี่สาวต้องว่ายน้ำเอาตัวรอดในทะเลนานถึง 4 ชั่วโมง กว่าเรือจะกลับมาวิ่งได้
ปัญหายังไม่หมดแค่นี้ เมื่อไปถึงกรีซ มัร์ดีนีย์ เจอกระแสเกลียดชังอาหรับอย่างรุนแรง
จนอยู่ไม่ได้ และต้องย้ายไปอยู่ใน “ค่ายผู้ลี้ภัย” 4 ประเทศ ก่อนมาจบที่เยอรมนี
ปัจจุบัน เธออาศัยในเมืองฮัมบวร์ก และกลับมาว่ายน้ำอีกครั้ง
เธอได้เข้าร่วมกีฬาโอลิมปิก 2016 ที่รีโอ เด จาเนโร ประเทศบราซิล ในฐานะสมาชิก “ทีมผู้ลี้ภัย”
เช่นเดียวกับในโตเกียว 2020 ที่เธอมาแข่งในนามของทีม “เรฟูจี” เหมือนกัน
มัร์ดีนีย์ ลงแข่งขันในประเภทผีเสื้อ 100 เมตรหญิง ซึ่งแม้เธอจะไม่ได้เหรียญรางวัลใดๆ
แต่หัวใจเธอช่างน่ากราบ และชนะใจคนทั้งโลกไปเรียบร้อยแล้ว.