ผู้ว่าฯ เปิดอบรม

นายวีระชัย นาคมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานพิธีเปิดการอบรมการบริหารจัดการโรคโควิด-19 สู่โรคประจำถิ่น (Endemic Approach To COVID-19) และร่วมรณรงค์บริจาคอวัยวะและดวงตา ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอผักไห่ อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมี นายรัฐพล ธุระพันธ์ นายอำเภอผักไห่ นายแพทย์ณรงค์ ถวิลวิสาร นายแพทย์เชี่ยวชาญด้านเวชกรรมป้องกัน นายนครินทร์ อาจหาญ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดฯ นางพิศมัย เลิศอิทธิบาท ประชาสัมพันธ์จังหวัดฯ สมาชิกเหล่ากาชาดอำเภอ ผู้แทนสภากาชาดไทย เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ผู้นำชุมชน และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน เข้าร่วมกิจกรรม จำนวนกว่า 350 คน

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับตำบล และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ให้มีความรู้ ความเข้าใจมาตรการ แนวทางการดำเนินงานและเตรียมความพร้อมบริหารจัดการโรคโควิด-19 สู่โรคประจำถิ่น นอกจากนี้ ยังได้จัดกิจกรรม “อยุธยา ร้อยดวงใจ เป็นสะพานบุญ” หนึ่งชีวิต เพื่ออีกหลายชีวิต ตามนโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภายใต้ความร่วมมือระหว่างสภากาชาดไทย เหล่ากาชาดจังหวัดฯ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดฯ โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา และอำเภอผักไห่ เพื่อรณรงค์การบริจาคอวัยวะ สำหรับการนำไปใช้ปลูกถ่ายอวัยวะให้ผู้ป่วยที่รอการรักษาดังกล่าว

นายวีระชัย นาคมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ขอชื่นชมอำเภอผักไห่ ที่ได้จัดกิจกรรมอันเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน ทั้งสองกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งอำเภอผักไห่ ได้ดำเนินการฉีดวัคซีนแก่ประชาชนในพื้นที่เกิน 60% ครบหลักเกณฑ์ของทางกระทรวงสาธารณสุข แต่ขอให้เร่งรัดการฉีดวัคซีนต่อในกลุ่ม 608 ให้ได้ตามเกณฑ์เช่นกัน เพราะกลุ่มนี้เมื่อติดเชื้อแล้ว อาการจะหนักกว่ากลุ่มคนทั่วไป ซึ่งเป็นความห่วงใยของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข ก็ฝากพวกเราในกลุ่ม อสม. ช่วยกันประชาสัมพันธ์ รณรงค์ในการฉีดวัคซีนใน เข็ม 3 และ เข็ม 4 ให้ครบตามกำหนด ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์หนึ่งของการประกาศเป็นโรคประจำถิ่นต่อไป สำหรับการบริจาคอวัยวะและดวงตาเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 จึงทำให้เกิดการขาดแคลนอวัยวะและไม่เพียงพอต่อการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันได้เท่าที่ควร ซึ่งในวันนี้สถานการณ์เริ่มคลี่คลายแล้ว ต้องขอชื่นชมอำเภอผักไห่ ทีมงานสาธารณสุข สภากาชาดไทย เหล่ากาชาดจังหวัดฯ ทีมงาน อสม. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตลอดจนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ร่วมกันจัดงานนี้ขึ้น และขอขอบคุณแทนเพื่อนมนุษย์ที่ได้รับอวัยวะจากการบริจาคในครั้งนี้

ด้าน นายแพทย์ณรงค์ ถวิลวิสาร รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดฯ ได้เผยว่า ในปัจจุบันเรามีคนที่รอการปลูกถ่ายอวัยวะเป็นจำนวนมาก การบริจาคอวัยวะที่ทำได้ เช่น การบริจาคหัวใจ ดวงตา ปอด ตับ ไต เพื่อปลูกถ่ายต่อชีวิตผู้ป่วยได้ จึงขอเชิญผ้ที่ประสงค์จะทำบุญบริจาคอวัยวะเพื่อต่อชีวิตให้กับเพื่อนมนุษย์ สามารถแจ้งความจำนงกับสภากาชาดไทย หรือ เหล่ากาชาดได้ทุกจังหวัด (เผอิญ – วุฒิภัทร ไทยสม / อยุธยา)

เชิญสัญญาบัตร พัดยศ

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายนุรักษ์ มาประณีต องคมนตรีเชิญสัญญาบัตร พัดยศ และผ้าไตร เลื่อนสมณศักดิ์ ถวายแด่พระราชวชิราภิรม หรือหลวงพ่อสนุ่น อธิปุญโญ เจ้าอาวาสวัดศรัทธาภิรม ณ วัดศรัทธาภิรม ตำบลม่วงหมู่ อำเภอเมืองสิงห์บุรี โดยพระบรมราชองค์การปรากฏตามสัญญาบัตร ทรงตั้งสมณศักดิ์ลงวันที่ 5 พฤษภาคม พุทธศักราช 2565 ให้พระครูสัทธาโสภิต เป็นพระราชาคณะชั้นราช ที่พระราชวชิราภิรม อุดมธรรมวิจิตร มหาคณิสสร บวรสังฆรักฆาราม คามวาสี มีฐานานุศักดิ์แต่งตั้งฐานุกรมได้ 4 รูป คือ พระครูปลัด 1 พระครูสังฆรักษ์ 1 พระครูสมุห์ 1 และพระครใบฎีกา 1 โดยมีนายชัยชาญ สิทธิวิรัชธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี พร้อมด้วยรองผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ จิตอาสา และประชาชนทั่วไปเข้าร่วมพิธีฯ

สำหรับประวัติของพระราชวชิราภิรม หลวงพ่อสุน่น อธิปุญโญ เกิดเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2477 อายุ 87 ปี พรรษา 67 พรรษา มีนามเดิมว่า สนุ่น ภูมิลำเนา อยู่บ้านเลขที่ 41 หมู่ที่ 3 ตำบลม่วงหมู่ อำเภอเมืองสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี อุปมบทวันที่ 7 กรกฎาคม 2497 ณ วัดไลย์ หมู่ที่ 1 ตำบลเขาสมอคอน อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี ปี พ.ศ.2520 ได้รับแต่งตั้ง เป็นเจ้าอาวาสวัดศรัทธาภิรม ซึ่งท่านสามารถปฏิบัติกิจวัตรและศาสนกิจของสงฆ์ได้ตามปกติอย่างสม่ำเสมอมีการพัฒนาวัดและบริหารจัดการวัดตลอดมา เช่น บูรณปฏิสังขรณ์อาคารโรงเรียน อาคารเสนาสนะภายในวัดศรัทธาภิรม นอกจากนี้ท่านยังได้ทำคุณประโยชน์ด้านต่างๆ อีกมากมายไม่ว่าจะเป็นด้านสาธารณสงเคราะห์ ด้านงานเผยแผ่ ท่านเป็นพระที่เป็นที่เลื่อมใสเคารพศรัทธาของพระสงฆ์ และศิษย์ยานุศิษย์โดยทั่วไป ซึ่งก่อนที่ท่านจะเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชวชิราภิรม ท่านมีสมณศักดิ์เป็นพระครูศัทธาโสภิต (อำนาจ สุขเย็น / สิงห์บุรี)

วันสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายวีระชัย นาคมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานในพิธีถวายราชสักการะ “วันสมเด็จพระนารายณ์มหาราช” พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการพลเรือน ศาล ทหาร ตำรวจ อัยการองค์การบริหารส่วนจังหวัด หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา ข้าราชการ และประชาชน เข้าร่วมพิธี

โดยประธาน ได้ประกอบพิธีจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย วางพวงมาลาถวายราชสักการะ กล่าวคำถวายราชสดุดี เบื้องหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช และประกอบพิธีทางศาสนา จนเสร็จพิธี ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติและรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ที่ทรงมีต่อแผ่นดินไทย

สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ 27 ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ทรงมีหลายพระนาม คือ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 3 หรือ สมเด็จพระรามาธิบดีศรีสรรเพชรญ์ เป็นพระราชโอรสของ พระเจ้าปราสาททอง พระมหากษัตริย์ผู้ครองกรุงศรีอยุธยา กับพระราชธิดาของสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม เหตุที่มีพระนามว่า “นารายณ์” มีที่มาน่าสนใจคือ มีพระญาติวงศ์เหลือบเห็นเป็น 4 กร พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่พระองค์หนึ่งในประวัติศาสตร์ไทย ทรงมีพระราชกรณียกิจที่สำคัญตลอดรัชกาลของพระองค์ ทั้งด้านการทหาร วรรณคดี และการทูต

ดังนั้น คณะรัฐมนตรี จึงมีมติให้ วันที่ 11 กรกฎาคม ของทุกปี เป็นวันสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงได้กำหนดจัดงานรัฐพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะ เพื่อเป็นการเทิดพนารายณ์มหาราชที่ทรงมีต่อแผ่นดินไทย (ศูนย์ข่าวภาคกลาง)

มอบสิ่งของพระราชทาน

วันที่ 7 กรกฎาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายไพรัตน์ เพชรยวน รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เชิญสิ่งของพระราชทาน จากมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไปมอบให้ผู้ประสบอัคคีภัยในพื้นที่อำเภอบางปะอิน จำนวน 1 ครอบครัว ณ บ้านเลขที่ 99 หมู่ 5 ตำบลบ้านพลับ อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมี นางปวีณา ทองสกุลพันธุ์ ผู้แทนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด นายวัชระ กระแสร์ฉัตร์ นายอำเภอบางปะอิน สมาชิกเหล่ากาชาด สมาชิกชมรมแม่บ้านมหาดไทย ผู้แทนพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จิตอาสา ผู้นำท้องที่ท้องถิ่น และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมพิธี โดยจัดพิธีมอบสิ่งของพระราชทานให้แก่ นายวันชัย มิลเจริญ (เจ้าบ้าน) ซึ่งประสบอัคคีภัยเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2565 เวลา 09.40 น. บ้านได้รับความเสียหายบางส่วน จำนวน 1 ครัวเรือน มีผู้ได้รับความเดือดร้อน รวม 6 คน

สำหรับการได้รับสิ่งของพระราชทานในครั้งนี้ ทุกคนต่างซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว องค์พระบรมราชูปถัมภก แห่งมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นล้นพ้น (วุฒิภัทร ไทยสม / อยุธยา)

ประทานเทียนพรรษา

เมื่อช่วงเช้าวันที่ 12 กรกฎาคม 2565 ที่วัดลาดทราย ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายนายสุรชัย โคตรบุตรดีนายอำเภอวังน้อย นางจินตนา ทับทิมทอง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายอิทธิกร ทับทิมทอง กำนันตำบลลำไทร เป็นประธานอัญเชิญเทียนประทาน ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ประทานแก่ พระครูปลัดฉัตรชัย อธิปณโญ ดร. เจ้าอาวาสวัดลาดทราย ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย เพื่อใช้จุดพระรัตนตรัยในช่วงเข้าพรรษา โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำชุมชน กำนันผู้ใหญ่บ้านมาร่วมจำนวนมาก

สำหรับเทียนพรรษาประทานนี้ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ได้เสด็จทรงเป็นองค์ประธานถวายเทียนพรรษาแด่พระสงฆ์ เพื่ออัญเชิญไปถวายยังพระอารามต่าง ๆ ประจำปีพุทธศักราช 2565 ณ วัดอินทรวิหารพระอารามหลวง บางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา (สัมฤทธิ์ เจียมเจริญพรกุล / อยุธยา)

ถวายเทียนพรรษา

นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เป็นประธานพิธีถวายเทียนพรรษาจังหวัดสระบุรี ประจำปี 2565 ณ วัดพระพุทธฉาย ตำบลหนองปลาไหล อำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิม พระชนมพรรษา 70 พรรษา 28 กรกฎาคม 2565 ซึ่งจังหวัดสระบุรีพร้อมส่วนราชการต่างๆ และพี่น้องประชาชน ได้ร่วมกันถวายเทียนเข้าพรรษา จำนวน 71 ต้น ให้แก่วัดต่างๆ ในจังหวัดสระบุรี ไว้สำหรับในการปฏิบัติกิจของสงฆ์ ซึ่งจะได้ใช้ในการปฏิบัติธรรมในระหว่างเข้าพรรษาในระยะ 3 เดือน และเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา รวมทั้งเป็นการรักษาประเพณีที่ปฏิบัติกันมาตั้งแต่โบราณจนถึงยุคปัจจุบัน มีพระครูศรีวรกิจจารักษ์ รองเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาท ราชวรมหาวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ หัวหน้าส่วนราชการต่างๆ และพี่น้องประชาชนร่วมพิธี (สมนึก สุขีรัตน์ / สระบุรี)

แก้ไขอุทกภัย

นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าในการบริหารจัดการน้ำของอ่างเก็บน้ำกุดตาเพชร ต.กุดตาเพชร อำเภอลำสนธิ จังหวัดลพบุรี ในการรองรับสถานการณ์และปริมาณน้ำในช่วงฤดูฝน โดยมีแผนเตรียมความพร้อมในการดำเนินงาน ตรวจสอบระบบการแจ้งเตือนภัย ตรวจสอบเส้นทางและการระบายน้ำคลองลำสนธิ รวมทั้งความพร้อมในการรองรับน้ำและการระบายน้ำของอ่างเก็บน้ำกุดตาเพชร ทั้งนี้ ต.หนองรี และ ต.ซับสมบูรณ์ อ.ลำสนธิ มีคลองลำสนธิไหลผ่าน เป็นระยะทาง 90 กิโลเมตร นอกจากนี้ คลองลำพญากลาง ซึ่งเป็นลำน้ำสาขาของคลองลำสนธิ มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาในเขตอำเภอสีคิ้ว และอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา โดยในแต่ละปีจะมีปริมาณน้ำท่าไหลลงมาเป็นจำนวนมาก การลงพื้นที่ในครั้งนี้เพื่อบรรเทาปัญหาอุทกภัยที่จะเกิดขึ้นประชาชนในพื้นที่ และอำเภอใกล้เคียง ซึ่งปีที่ผ่านมา เกิดเหตุน้ำป่าไหลบ่าพัดท่วมบ้านเรือนประชาชนจนเสียหายและมีผู้เสียชีวิตหลายราย (กฤษณพงศ์ อยู่รอด – ธนพล อาภรณ์พงษ์ / ลพบุรี)

สปป.ลาว ดูงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายวีระชัย นาคมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มอบหมายให้ นายไพรัตน์ เพชรยวน รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้การต้อนรับ Mr. Kindavong Laugrath รองอธิบดีกรมสังคมสงเคราะห์ กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และคณะ ในการศึกษาดูงานด้านการบริหารจัดการภัยพิบัติและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในวันที่ 5-6 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปในหัวข้อ “การบริหารจัดการอุทกภัยและภัยแล้งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา” และในช่วงบ่าย คณะจะลงพื้นที่เยี่ยมชมแผงบังเกอร์ป้องกันน้ำท่วมอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ณ วัดไชยวัฒนาราม และเดินทางไปองค์การบริหารส่วนตำบลท่าหลวง อำเภอท่าเรือ รับฟังบรรยายสรุปหัวข้อ “โครงการป้องกันและลดความเสี่ยงภัยโดยชุมชนเป็นฐาน” โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับและบรรยายสรุป สำหรับการศึกษาดูงานในครั้งนี้ จะเป็นการเสริมสร้างประสบการณ์และกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานทั้งสองประเทศ ตลอดจนส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อีกด้วย

โดยเลือกศึกษาดูงานที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพื้นที่ราบลุ่มภาคกลาง มีแม่น้ำสายหลักไหลผ่าน 4 สาย และองค์การยูเนสโก ได้ประกาศให้อุทยานประวัติศาสตร์ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรม และยังเป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรม 5 แห่ง จึงมีโอกาสเกิดภัยพิบัติได้ทั้งทางบกและทางน้ำ ทั้งจากการขนส่ง และยังมีภัยธรรมชาติที่เกิดเป็นประจำคืออุทกภัย ซึ่งจังหวัดฯ ได้มีการเตรียมการบริหารจัดการภัยพิบัติอย่างเป็นรูปธรรม โดยการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรการกุศล อาสาสมัคร มูลนิธิ และภาคประชาชน มีการจัดการลดความเสี่ยงโดยใช้โครงสร้างและไม่ใช้โครงสร้าง มีการจัดทำแนวป้องกันน้ำท่วมในนิคมอุตสาหกรรมทุกแห่ง พร้อมเตรียมความพร้อม ด้านเครื่องจักรกล และยานพาหนะในการปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย (ศูนย์ข่าวภาคกลาง)

แข่งขันเรือยาว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณท่าน้ำโรงแรมริเวอร์วิว ตำบลหอรัตนไชย อำเภอพระนครศรีอยุธยา นายวีระชัย นาคมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย นางจุรีพร ขันตี วัฒนธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ให้สัมภาษณ์ในการเตรียมจัดการแข่งขันเรือยาวประเพณีจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

โดย นายวีระชัย นาคมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 ทำให้เกิดผลเสียมากมาย ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การเป็นอยู่ หรือแม้กระทั่งวัฒนธรรมประเพณี เราจึงกำหนดจัดกิจกรรมการแข่งขันเรือยาวประเพณีจังหวัดพระนครศรีอยุธยาขึ้น ระหว่างวันที่ 6-7 สิงหาคม 2565 ณ บริเวณหน้าวัดพนัญเชิง วรวิหาร อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งหวังว่าจะสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจ กิจกรรมการท่องเที่ยวในพื้นที่เมืองมรดกโลกอยุธยา และของประเทศไทย

โดยมีกิจกรรมพิธีไหว้ย่านางเรือ ซึ่งเป็นพิธีที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณ ทั้งนี้ การแข่งขันเรือยาวประเพณี แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ ประเภทเรือยาว-ใหญ่ 55 ฝีพาย จำนวน 8 ลำ ประเภทเรือยาว-กลาง 40 ฝีพาย จำนวน 8 ลำ และประเภทเรือยาว-เล็ก 30 ฝีพาย จำนวน 12 ลำ เชิญชวนเข้าร่วมชมและเชียร์การแข่งขันเรือยาว ซึ่งเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ และช่วยกันรักษาไว้เป็นประเพณีของชาวพระนครศรีอยุธยาสืบต่อไป (วุฒิภัทร ไทยสม / อยุธยา)

คลินิกกัญชา

ที่ ศูนย์การค้าอยุธยาซิตี้พาร์ค จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นพ.ณรงค์ ถวิลวิสาร นายแพทย์เชี่ยวชาญด้านเวชกรรมป้องกัน รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานเปิดงานฯ และได้รับเกียรติจาก นางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นางพิศมัย เลิศอิทธิบาท ประชาสัมพันธ์จังหวัดฯ หัวหน้ากลุ่มงานผู้บริหารศูนย์การค้าอยุธยาซิตี้พาร์ค และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมพิธีเปิดงานคลินิกกัญชาทางการแพทย์สัญจร กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-10 กรกฎาคม 2565 เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงกัญชาทางการแพทย์ ให้ความรู้แนวทางการปลูกและใช้กัญชาที่ถูกต้อง และนำมาใช้ดูแลสุขภาพตนเองอย่างปลอดภัย โดยมี นพ.เศกสรรค์ ชวนะดีเลิศ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุทัย เป็นผู้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานในครั้งนี้

ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ลงนามปลดล็อกพืชกัญชาออกจากรายการยาเสพติดให้โทษ ประเภท 5 มีผลตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 เพื่อให้ประชาชนสามารถนำกัญชามาใช้ทางการแพทย์ ดูแลสุขภาพตนเองเบื้องต้น และต่อยอดเศรษฐกิจครอบครัวได้อย่างถูกต้อง ทั้งนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สามารถขับเคลื่อนนโยบายกัญชา-กัญชง สู่การนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ มีการดำเนินงานครบวงจรทั้งภาคเกษตรและอุตสาหกรรม โดยมีโรงงานสกัดกัญชงขนาดใหญ่ที่สุดเป็นแห่งแรกในประเทศที่ได้รับอนุญาต ได้แก่ บริษัท R&B food supply จำกัด (มหาชน) กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ที่ร่วมปลูกกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ จำนวน 3 กลุ่ม

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้กัญชามาใช้ทางการแพทย์ตั้งแต่ปี 2562 โดยนำภูมิปัญญาตำราโอสถพระนารายณ์สู่ตำรับยา ใช้ในคลินิกกัญชาในโรงพยาบาล 16 แห่ง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 13 แห่ง จากการติดตามประสิทธิผลและความปลอดภัยของการใช้ พบว่าผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาและมีความปลอดภัยสูง สำหรับกิจกรรมภายในงาน มีการให้บริการคลินิกกัญชา คลินิก Post Covid การออกบูธผลิตภัณฑ์จากกัญชา ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับกัญชา เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์อย่างถูกวิธีและปลอดภัย อีกด้วย (เผอิญ – วุฒิภัทร ไทยสม / อยุธยา)

ส่งน้องเข้าโรงเรียน

นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและความเป็นระเบียบเรียบร้อยให้แก่เด็กนักเรียน ผู้ปกครอง บริเวณหน้าโรงเรียนเมืองใหม่ (ชลอราษฎร์รังสฤษฏ์) ริมถนนพหลโยธิน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี

ทั้งนี้ เพื่อดูแลความปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชน เด็กนักเรียน ผู้ปกครองในชั่วโมงเร่งด่วน โดยจะมีเจ้าหน้าที่คณะครู บุคลากรทางการศึกษา สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดลพบุรี จิตอาสาพระราชทานมณฑลทหารบกที่ 13 ร่วมดำเนินการในการรับน้องนักเรียนลงจากรถและพาน้องๆ ไปส่งถึงในโรงเรียนอย่างปลอดภัย และอำนวยความปลอดภัยในการข้ามถนนของเด็กนักเรียนด้วย (กฤษณพงศ์ อยู่รอด – ธนพล อาภรณ์พงษ์ / ลพบุรี)

พัฒนาเมือง

ณ ห้องประชุมบึงพระราม ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายวีระชัย นาคมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มอบหมายให้ นายประทีป การมิตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย นางพิศมัย เลิศอิทธิบาท ประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ โดยมี นายเกรียงศักดิ์ คชหิรัญ ผู้แทนอุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นฝ่ายเลขานุการดำเนินการประชุม

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาให้ความเห็นชอบแผนการดำเนินงานการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ แผนการสื่อสารและการเปิดเผยข้อมูลความเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 และชี้แจงการเตรียมความพร้อมในการรับการตรวจประเมินระดับการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ซึ่งในปีนี้มีเป้าหมายมุ่งสู่การดำเนินงานในระดับที่ 3 สำหรับประเด็นการคัดเลือกพื้นที่ใหม่ในการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศฯ ที่ประชุมได้มอบให้ฝ่ายเลขานุการ จัดเตรียมข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อนำเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาในครั้งต่อไป (ศูนย์ข่าวภาคกลาง)

พมจ.มอบบ้าน

นางศรีสุดา เถาเมืองใจ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอุทัยธานี นำทีมภาคีเครือข่ายหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ร่วมกันมอบบ้านให้กับคนพิการและผู้สูงอายุในพื้นที่อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี โดยมอบบ้านให้นายพุ่ม รอดบำรุง อายุ 81 ปี (ผู้สูงอายุ) อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 114/10 หมู่ที่ 6 ตำบลระบำ อำเภอลานสัก ได้รับงบประมาณในการสร้างบ้าน จำนวน 40,000 บาท พร้อมทั้งพูดคุยให้กำลังใจ ต่อจากนั้นไปมอบให้นายสี จันทร์หอม อายุ 90 ปี (ผู้สูงอายุ) อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 287/3 หมู่ 11 ตำบลระบำ อำเภอลานสัก ได้รับงบประมาณในการสร้างบ้าน จำนวน 22,500 บาท เพื่อปรับปรุงบ้าน ซึ่งอาศัยอยู่กับภรรยาเพียงสองคน มีเพื่อนบ้านแวะเวียนมาดูแล และบ้านของนางสุนทร อินทรพิมพ์ อายุ 69 ปี (พิการทางความเคลื่อนไหว และร่างกาย) อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 82/5 หมู่ที่ 1 ตำบลลานสัก อำเภอลานสัก

ทั้งนี้ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอุทัยธานี ได้จัดสรรงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ ให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้คนพิการและผู้สูงอายุ มีที่อยู่อาศัยที่มั่นคงแข็งแรง เอื้ออำนวยต่อการใช้ชีวิตประจำวัน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ตลอดจนเกิดการบูรณาการของภาคีเครือข่ายสร้างการมีส่วนร่วมของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม (ชนม์สวัสดิ์ ทองโพธิ์งาม / อุทัยธานี)