@เมื่อ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า มีการ “บังคับใช้กฎหมาย” เมื่อมีรายงานจาก “การข่าว” ถึงความเคลื่อนไหวของ “แนวร่วม” และ “กองกำลังติดอาวุธ” ของขบวนการ “บีอาร์เอ็น” เข้ามา “เคลื่อนไหว” จึงต้องมีการ “ปิดล้อม” ตรวจค้น และเมื่อ “แนวร่วม” ต่อสู้ ก็ต้องมีการ “วิสามัญ”….และล่าสุดคือการ “วิสามัญ” มะยากี มะลาซิง ที่ ต.คลองมะนิง อ.เมือง จ.ปัตตานี นี่คือความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง หลังเดือน “รอมฎอน” หลังการลงนาม “หยุดยิง” ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเชื่อว่า สถานการณ์ของความ “รุนแรง” จะ ต่อเนื่องสืบไป ตาม “วงรอบ” ของการก่อการร้ายของ “บีอาร์เอ็น” ที่ต้องการให้มีการ “วิสามัญ” กับ “แนวร่วม” ของขบวนการ เพราะการ “วิสามัญ” ที่เกิดขึ้น จะทำให้ “บีอาร์เอ็น” สามารถนำไป “ขยายผล” ในการ “โฆษณาชวนเชื่อ” ใส่ร้ายป้ายสีเจ้าหน้าที่ว่า “ทำเกินกว่าเหตุ” โดยมี “เอ็นจีโอ” และ กลุ่มนักวิชาการ “สันติวิธี” รวมทั้ง องค์กรจากชาติตะวันตก เป็นผู้ “รับลูก”….

@ส่วน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ก็ได้แต่ ชี้แจงข้อเท็จจริง กับประชาชน ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนประชาชน จะเชื่อหรือไม่เชื่อ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะได้ทำหน้าที่ในการ “ชี้แจง” ข้อเท็จจริงแล้ว นี่คือ “จุดอ่อน” ทางด้านการ “สื่อสารกับสังคม” ของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ที่แม้จะมี “งบประมาณ” มี “เครื่องมือทันสมัย” แต่ “ปฏิบัติการ” ที่ใช้ยัง “ไม่ทันการ” ในการสู้กับงาน “ไอโอ” ที่ ลงทุนน้อยๆ แต่ได้ผล ที่ ปีกทาง “การเมือง” ของ “บีอาร์เอ็น” ได้ และการที่ “มะยากี” ถูก “วิสามัญ” ก็จะมีการ “เอาคืน” จาก “บีอาร์เอ็น” โดยจะมี “ตำรวจ, ทหาร” และ “สายข่าว” ของ หน่วยงานความมั่นคง “เป็นเหยื่อ” และ หน่วยงานความมั่นคง ป้องกันไม่ได้ เพราะวันนี้ “แนวร่วม” ในพื้นที่มีเท่าไหร่ อยู่ที่ไหน หน่วยงานความมั่นคง ไม่มี “การข่าว” ที่ชัดเจน ก็เห็นใจ และ เข้าใจ พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ที่ สั่งการได้ แต่ ป้องกันได้ หรือไม่ได้ เป็นหน้าที่ของกองกำลังในแต่ละพื้นที่ ว่ามีขีดความสามารถ และงาน “การข่าว” งาน “มวลชน” แค่ไหน อย่างไร….

@และหากเป็นไปตาม “วงรอบ” เดือนกรกฎาคม นี้ ก็จะมีการ “พูดคุย” กับอีกรอบ ระหว่าง พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ หัวหน้าคณะ “พูดคุยสันติสุข” ของ “รัฐบาล” กับ นายหิพนี มะเระ หัวหน้าคณะ “พูดคุยสันติภาพ” ของ “บีอาร์เอ็น” ที่มี อดีตผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ของ “มาเลเซีย” เป็น “ผู้อำนวยความสะดวก” ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงประเทศมาเลเซีย โดยมีข้อ “เรียกร้อง” ของ “คนไทยพุทธ” ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ “เรียกร้อง” ผ่าน พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ ให้ยื่นข้อเสนอต่อตัวแทนของ “บีอาร์เอ็น” ให้ห้วงเวลาการ “เข้าพรรษา” และ “ชักพระ” เป็นห้วงเวลาของ “สันติสุข” ด้วยการลงนาม “หยุดยิง” เหมือนกับในห้วงของเดือน “รอมฎอน” ที่ผ่านมา ก็คงต้องมี “ฝีมือ” ของ คณะ “พูดคุย” ของ “รัฐบาล” และจะได้เห็นว่า “บีอาร์เอ็น” มีความจริงใจ กับเรื่องของ “สันติสุข” อย่างไร,… ได้ ไม่ได้ ไม่เสียหาย แต่เห็นด้วยกับการที่คน “ไทยพุทธ” ในพื้นที่ 3 จังหวัด และ 4 อำเภอของ จังหวัดสงขลา ได้แสดง “บทบาท” ออกมา “เรียกร้อง” เพื่อการมี “ส่วนร่วม” กับการดับ “ไฟใต้” ในครั้งนี้….

@กลายเป็น “ประเด็น” ของ “ข่าวดัง” เมื่อการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ทางเรียบการกุศล “กะพังสุรินทร์โรดเรซซิ่ง” ที่ อ.เมือง จ.ตรัง เมื่อ “รถแข่ง” พุ่งชน นายมณฑล ชูยัง อายุ 16 ปี นักเรียน ที่เข้าชมการแข่งขัน ก็เข้าใจนะ ที่ผู้จัดออกมาพูดว่า 40 ปีที่แล้ว สถานที่นี้เป็นสนามแข่งรถระดับประเทศสนามหนึ่ง แต่ผ่านไป 40 ปี เมื่อจะ “รื้อฟื้น” สถานที่นี้ ให้เป็นที่ “แข่งรถ” ต้องมีการ “บูรณะ” หรือ “ซ่อมแซม” ให้มีความ “สมบูรณ์พร้อม” ไม่ใช่ทำกับแบบ “สุกเอาเผากิน” และเมื่อเกิดความ “สูญเสีย” ต้องเร่งรับผิดชอบ และที่สำคัญ ผู้บริหารเทศบาลนครตรัง จะ “ปัดตะกูด” บอกว่า “เทศบาลฯ” ไม่ให้ผู้จัดไม่ได้ เพราะที่เกิดเหตุ เป็นพื้นที่ของเทศบาลนครตรัง…. ที่สำคัญ เมื่อ “สื่อมวลชน” ไปทำหน้าที่ รายงานข่าว ยังมี “คนตกยุค” ที่เป็น ส.ท. ทำ “กร่าง” ด้วยการ “ตบกล้อง” ของ “นักข่าว” ห้ามมิให้มีการรายงานข่าว บ๊ะ “ช้างตายทั้งตัว เอาใบบัวปิด” มันจะมิดที่ไหนเล่า พ่อคุณ….

@เรื่องของ “กัญชาเสรี” ยังไม่จบง่ายๆ เพราะกลายเป็นเรื่อง “การเมือง” เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่ที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากเรื่อง “การเมือง” แล้ว ยังถูก “ลากโยง” เป็นเรื่องของ “ศาสนา” ด้วย และแม้ว่า สมาพันธ์คณะกรรมการอิสลาม 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดย แวดือราแม มะมิงจิ ประธานสมาพันธ์ จะออกแถลงการณ์ ค้าน พ.ร.บ.กัญชา, กระท่อม และ “การสมรสเท่าเทียม” ไปแล้ว แต่ กลุ่มโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 2 ให้ รัฐบาล ยกเลิก “กัญชาเสรี” และนำ “กัญชา” กลับไปเป็น “ยาเสพติด” ประเภท 5 เหมือนเดิม แสดงว่า “ศึกสงคราม” เรื่อง “กัญชาเสรี” ยังจะ “ลากยาว” ไปอีกไกล แต่อย่าลืมว่าประเทศไทย มีทั้ง “ศาสนาพุทธ, คริสต์, อิสลาม” ไม่ได้มี ศาสนาใดศาสนาหนึ่ง ที่เป็น “ศาสนาประจำชาติ” การใช้ แนวทางของ “ศาสนา” มาเป็น “เครื่องมือ” ในการ “ต่อสู้” ทาง “กฎหมาย” จึงต้องมองให้ “รอบด้าน” และ “รอบคอบ” เพราะโดยข้อเท็จจริง เมื่อผู้นับถือ “ศาสนา” ใด ที่ ไม่เห็นด้วยกับข้อ “กฎหมาย” ที่ “ปฏิบัติ” ไม่ได้ เพราะขัดกับหลัก “ศาสนา” นั้น ก็สามารถที่ไม่ “ปฏิบัติ” ตาม และ “ไม่ข้องแวะ” เช่น “กัญชา, กระท่อม” หรือ “การสมรสเท่าเทียม” เพราะผู้ที่นับถือ “ศาสนา” อื่น อาจจะ “เห็นด้วย” ที่เขียนมาทั้งหมดเพราะไม่อยากเห็น และไม่อยากให้มีความ “เห็นต่าง” จนนำมาสู่ความ “ขัดแย้ง” ของผู้คนในแผ่นดิน ที่นับถือ “ศาสนา” ที่ต่างกัน โดยเฉพาะใน “แผ่นดินปลายด้ามขวาน” ที่มีความ “ขัดแย้ง” และ “เห็นต่าง” จนบางครั้ง “ร่ำๆ” จะกลายเป็นความ “ขัดแย้ง” ทาง “ศาสนา” เกิดขึ้น …เช่นการ “ขัดแย้ง” ของ “ผู้ปกครอง” ของนักเรียน ที่ โรงเรียนอนุบาลปัตตานี เรื่องการคลุม “ฮิญาบ” ที่ วันนี้ยังต้องใช้ “ศาลปกครอง” เพื่อการ “ต่อสู้” ระหว่างผู้นับถือ “ศาสนา” ที่ต่างกัน นี่เป็นการ “ชี้ชัด” ว่าคำว่า “พหุวัฒนธรรม” สุดท้ายเป็นเพียง “วาทกรรม” ที่ใช้สำหรับตั้ง “งบประมาณ” เพื่อการดับ “ไฟใต้” เท่านั้น….

@เรื่องของ “กัญชาเสรี” เมื่อเป็นเรื่องของ “กฎหมาย” ไปแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือการ “ควบคุม” เพื่อให้อยู่ใน “กรอบ” ของ ข้อกฎหมาย ด้วยการออก “กฎระเบียบ” ให้ “ชัดเจน” และต้องมีการ “กำหนดโทษ” สำหรับผู้ที่ “ฝ่าฝืน” กฎระเบียบ และที่สำคัญคือการ “รณรงค์” ให้ความรู้ กับ เยาวชน ประชาชน อย่าง “จริงจัง” ซึ่งประเด็นนี้ยังไม่มีหน่วยงานไหนรับผิดชอบ วันนี้การค้า การขาย การปลูก การใช้กัญชา จึงเป็นไปอย่าง “สะเปะสะปะ” ที่สำคัญ วันที่ “กัญชา” ที่ปลูกในประเทศ ยังโตไม่ทัน มีการนำ “กัญชา” อัดแท่ง จาก สปป.ลาว เข้ามาขายกันทั่วประเทศ เพราะ “กฎหมาย” ไม่ได้ห้ามให้ “ขาย” ประเด็นนี้จะแก้อย่างไร เพราะถ้าปล่อยอย่างนี้ ประเทศไทยจะเป็น “ดินแดน” ของผู้ “พิสมัย” สารเสพติด ชนิด “กัญชา” และ “กระท่อม” เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกุล รมว. “สาสุข” เพียงฝ่ายเดียวที่ต้อง “แก้ไข” แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องรับผิดชอบ ในฐานะของ “นายกรัฐมนตรี”…ด้วย….

@เช่นเดียวกับเรื่องของ “กระท่อมเสรี” ที่มีการ “ปลดล็อก” ไปก่อน “กัญชา” และ มีการ “เชื่อว่า” พืชกระท่อม จะเป็นประโยชน์ต่อ เกษตรกรไทย ก็เป็นการ “คิดผิด” เพราะ วันนี้ “ใบกระท่อม” ที่มีผู้ปลูกกันมากมาย มีการ “ซื้อ-ขาย” กัน กิโลกรัมละ 100-130 บาท แล้ว ยังมี “กระท่อม” จากประเทศมาเลเซีย ที่ “ดีกว่า” เพราะ “เมากว่า” เข้ามา “ตีตลาด” อีกต่างหาก เรื่องของ “พืชกระท่อม” ที่ “ล้นตลาด” และไม่ได้ทำให้ “เกษตรกร” ได้ผลประโยชน์ อย่างที่ “คาดหวัง” เพราะเป็นแค่ “ราคาคุย” จึงน่าจะเป็น “บทเรียน” สำหรับเรื่องของ “กัญชา” ที่วันนี้มีการปลูกกันแบบ “ไร้ทิศไร้แผน” สุดท้ายก็ลงท้ายด้วยคำว่า “เจ๊ง” ตามๆ กัน…เมื่อ รัฐบาล ออก “กฎหมาย” เพื่อ “ปลดล็อก” ทั้ง “พืชกระท่อม” และ “กัญชา” โดยที่ไม่มีแผนใดๆ “รองรับ” และไม่มีหน่วยงานไหน ให้ความรู้กับเรื่อง “อนาคต” ของการ “ลงทุน” ทั้ง “กระท่อม” และ “กัญชา” เกษตรกร หรือ ผู้ที่คิดจะ “ลงทุน”  ใน พืช “เสพติด” ทั้ง 2 ชนิด ก่อนที่จะ “เดินหน้า” เพื่อ “การปลูก” การ “ลงทุน” ก็ให้หาความรู้ให้ “แจ่มแจ้ง” ก่อนตัดสินใจ เพราะประเทศนี้ ทุกอย่างต้องพึ่งตนเอง…..

@ยังจับกันไม่หวาดไม่ไหว สำหรับชาว “เมียนมา” ที่เดินทางไปทำงานที่ประเทศ “มาเลเซีย” แม้จะมีการ “จับกุม” ได้ตลอดเส้นทาง จากชายแดนด้าน “เมียนมา” ภาคเหนือ และภาคตะวันตกของชายแดนไทย จนมาถึง “ปราการ” สุดท้าย ที่ อ.สะเดา จ.สงขลา และที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส แต่ก็มีให้จับได้ “ทุกวี่ทุกวัน” โดยเฉพาะที่ “ชายแดน” อ.สะเดา จ.สงขลา ที่ “จับได้” เป็น “ส่วนน้อย” แต่ “ส่วนใหญ่เล็ดลอด” ออกไปประเทศมาเลเซียได้ ซึ่งมี “พรายกระซิบ” เล่าให้ฟังว่า มีการ “จ่าย” ณ “ปราการ” ด่านสุดท้ายหัวละ 5,000 บาท ขาดตัว ต่ำกว่านี้ “ถูกจับ” เท็จจริงอย่างไร พล.ต.ต.อรรถวุฒิ อ่อนทรัพย์ ผบก.ตชด.ภาค 4 และ พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.ตม.6 ลองส่งคนไป “สืบเสาะ” ดู เพราะนี่คือปัญหาที่ “จับไม่หมด” เพราะมีผลประโยชน์ติด “ปลายนวม” อยู่….

@เรื่อง “แรงงานเถื่อน” เป็นเรื่องที่ประเทศมาเลเซียต้องการมาก เพราะในการ “ลับลอบ” เข้าเมืองของชาว “เมียนมา, โรฮีนจา” ตลอดแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ไม่เคยปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ของมาเลเซีย ที่ลาดตระเวน “ริมรั้ว” ชายแดน ทำการ “จับกุม” แม้แต่รายเดียว เพราะ มาเลเซีย ต้องการใช้ “แรงงานเถื่อน” ที่มีราคาถูก เมื่อวันไหนที่ มาเลเซีย ไม่ต้องการ ก็จะ “ผลักดัน” ให้แรงงานเถื่อน หลบหนีข้ามมา “ฝั่งไทย” ออกมา เพื่อให้ เจ้าหน้าที่ไทย “จับกุม” ในข้อหา “หลบหนีเข้าเมือง” สุดท้าย กลายเป็น “ประเทศไทย” ที่รับมาเต็มๆ แบบ “ทั้งขึ้น ทั้งล่อง” เสียกำลงพลในการลาดตระเวน จับกุม ทำสำนวน ส่งเข้าเรือนจำ และเมื่อพ้นโทษก็นำไปส่งกลับประเทศ เป็นการใช้ “งบประมาณ” มหาศาลที่ “สูญเปล่า” แก้ปัญหาไม่ถูกจุดและไม่มีการแก้ปัญหา “ระหว่างประเทศ” ทั้งที่มี “กลไก” ของ สำนักงานกรรมการส่วนภูมิภาค (สน.กชภ.) แต่ไม่เคยนำปัญหาเหล่านี้ “ขึ้นโต๊ะ” เพื่อการ “พูดคุย” กับมาเลเซีย อย่างจริงๆ จังๆ….เรื่องอย่างนี้ ดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ เคยให้ความสำคัญหรือไม่ หรือ นโยบาย “ต่างประเทศ” ของเรา กลัวไม่มี “เพื่อนคบ” และกลัวเพื่อน “เกลียด” จนยอมให้เพื่อนบ้าน “เหยียบหน้า” เช่นเดียวกับการยอมให้ “มิก 29”  ของ “เมียนมา” บิน “ล้ำน่านฟ้า” เพื่อ “บอมบ์” ชนกลุ่มน้อย ที่ จ.ตาก. กระมัง….

@เมื่อบ้านเมืองมีการพัฒนา คนก็ย่อมได้รับการพัฒนาไปด้วย เช่นชาว อ.คลองหอยโข่ง หมู่ 7 บ้านควนกบ ปฏิสธ ไม่เอา “ฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อ” และ “ฟาร์มสุกรขุน” จากการทำ “ประชาพิจาณ์” โดยมี น.ส.นุจิรา ขุนปราบ ปลัดอำเภอคลองหอยโข่ง จ.สงขลา ที่ทำหน้าที่อย่าง “เป็นกลาง” สุดท้าย “นายทุน” ก็ยอมถอย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ มีการ “ล็อบบี้” ให้ชาวบ้านยอมรับ โดยผู้มี “อิทธิพล” ในพื้นที่มาแล้ว เชื่อเถอะ วันนี้ “อิทธิพล” ที่ใช้ “ข่มขู่” กำลังจะใช้ไม่ได้ผลอีกแล้ว….ที่ยังใช้ได้ผล ก็เรื่องของการ “ใช้เงิน” เป็น “ใบเบิกทาง” เช่น “น้ำมันเถื่อน” จากประเทศมาเลเซีย ที่ “ทะลักทลาย” ออกมาจากประเทศมาเลเซีย ด้านชายแดน ต.สำนักขาม, ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ทั้งจากรถบรรทุก “หัวลาก” ที่วิ่งระหว่างประเทศ และจากรถกระบะ และรถเก๋ง ที่ทำกันเป็น “ขบวนการ” ทั้งหมด ไม่ได้ “มุดรั้ว” ออกมา เหมือนกับ “ของเถื่อน” อื่นๆ แต่ “ทั้งหมด” วิ่งผ่าน “ด่านศุลกากร” ออกมา เรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร คนิต มีปิด นายด่านศุลกากรสะเดา และ เชาว์ เฉลิมเกียรติ นายด่านศุลกากรปาดังซาร์ จ.สงขลา ต้องมีคำตอบให้กับประชาชน…..

@เช่นเดียวกับ “บุหรี่หนีภาษี” ที่ จ.ปัตตานี และที่ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นพื้นที่ “เก็บ” และ “จำหน่าย” ขนาดใหญ่ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทุกสิ้นเดือนมี “หัวเบี้ย” จากหน่วยงานของรัฐ เดินเก็บ “ส่วย” กันให้ “ขวักไขว่” ในขณะที่ “โรงงานยาสูบ” มัวแต่ “ร้องแรกแหกกระเชอ” ว่า “ขาดทุนๆ” แต่ไม่รู้จักอุด “รูรั่ว” ด้วยการ “ปราบปราม” นายทุน ผู้ “นำเข้า” บุหรี่เถื่อน ซึ่งมีอยู่ไม่กี่รายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และในพื้นที่ “ปัตตานี” ยังมีหน่วยงานของ “ดีเอสไอ” ตั้งอยู่ด้วย นพ.โตรยฤทธิ์ เติมหิวงศ์ อธิบดีดีเอสไอ ไม่รู้สึกอะไรเลยหรือกับความ “เหิมเกริมของนายทุน” และความ “สูญเสีย” ภาษีของประเทศชาติบ้างหรือ….สุดท้ายเรื่องของ “ตำรวจ 20 นาย” ที่ถูก “ชมรมผู้ประกอบการบันเทิง” ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา กล่าวหาว่า “รีดส่วย” ก็เงียบเป็น “เป่าสาก” เป็นเรื่อง “มวยล้มต้มคนดู” เพราะหลังจากมีการ “ร้องเรียน” ให้พอเป็น “ข่าว” ก็มีการ “เคลียร์” กันจน “ลงตัว” เพราะ ผู้ประกอบการบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ร้อยละ 90 มีการทำผิด “กฎหมาย” ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง โดยเฉพาะเรื่องของ “ผู้หญิง” เรื่องของใบ “อนุญาต” และเรื่องเปิด “เกินเวลา” ซึ่ง “ตำรวจ” สามารถ “จับได้” ทุกคืน ดังนั้น ทั้งหมดจึงกลายเป็นเรื่องที่ “ซูเอี๋ย” กันไปเรียบร้อยแล้ว ไม่มีอะไร “ในกอไผ่” จริงๆ ไม่เชื่อถาม พ.ต.อ.บรรเทิง เหล่าสุวรรณ ผกก.สภ.สะเดา จ.สงขลา เจ้าของท้องที่ดูได้…..

@เรื่องดีๆ ของคนดีๆ ก็มีนะ บรรทัดนี้ แสดงความยินดีกับ เฉลิมชัย ครุอำโพธิ์ คหบดี เจ้าของกิจการโรงโม่หิน เขาบันไดนางศิลา อ.บางกล่ำ จ.สงขลา ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “ผู้ประนีประนอมประจำศาล” ของศาลแขวง จ.สงขลา ต่อไปนี้จะมี “ส่วนร่วม” กับสังคม มากขึ้น เป็นการ “เสียสละ” ทั้งที่มีงาน “ล้นมือ” ทุกวัน และขอ “ชื่นชม” เสวียง แก้วทอง ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงสงขลา ที่เลือกคนถูกกับงาน และผู้ถูก “ฟ้องร้อง” คงได้ประโยชน์จากคณะผู้ทำหน้าที่ “ประนีประนอม” เพราะเป็นผู้ที่มี “ประสบการณ์” มาก่อน….

@วันนี้เรื่อง ราคาน้ำมันแพง ไม่ต้องพูดถึง เพราะถึงพูดไป รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ “หมดทางแก้” เพราะแม้แต่การยื่น “ซองกฐิน” เพื่อขอ “กำไร” จาก “โรงกลั่น” ก็ยังทำไม่สำเร็จ เพราะล่าสุด สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รมว.พลังงาน แจ้งว่า “โรงกลั่น” ได้ “ค่ากลั่น” แค่ “นิดหน่อย” ก็เป็นการ “บอกใบ้” ให้รู้ว่า “โรงกลั่นโนเค” ไม่ร่วมทอด “กฐิน” และไม่รับ “ซองผ้าป่า” จากรัฐบาล “เวรกรรม” ทั้งหมด จึงตกอยู่กับประชาชนแบบ “กรรมใครกรรมมัน”….โดยเฉพาะ “ปั๊มน้ำมันอิสระ” ทั้งหมดในประเทศไทย ไม่ใช่เฉพาะภาคใต้ ที่ต้องปิดตัวลง เจ้าของปั๊มที่เคยเป็น “เถ้าแก่” กลายเป็น “อดีต” เถ้าแก่ แต่ก็ยัง “มีกิน” ส่วน “ลูกจ้างตกงาน” และอาจจะกลายเป็น “คนร้าย” ลักทรัพย์ ฉกชิง วิ่งราว เพราะไม่มี “งานทำ” และไม่มี “จะกิน” ไม่ได้ “ตำหนิ” ใคร ไม่ได้บอกให้ หน่วยงานไหน “ช่วยเหลือ” เพียงแต่ต้องการ “สะท้อน” ปัญหาของ “บ้านเมือง” ให้กับ “ลูงตู่” และผู้บริหารประเทศนี้ได้รับรู้เท่านั้น….

@อีกเรื่องที่ อธิบดีกรมการค้าภายใน “วัฒนศักย์ เสือเอี่ยม” และ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ยังไม่รับรู้ เพราะ พาณิชย์จังหวัด ไม่ได้รายงาน คือ วันนี้ หลายจังหวัด หลายอำเภอ แม้แต่ที่ “หาดใหญ่” สินค้าจำนวนมากเริ่ม “ขาดแคลน” เช่น “นมผง” และหลายอย่างแอบขึ้นราคาไปแล้วเช่น “ขนมปัง” ยี่ห้อดัง ที่เคยขายห่อละ 32 บาท วันนี้ขึ้นไป เป็น 42 บาท อย่าพูดนะว่าของแพงอย่ากิน ให้ไปกินของถูก ก็ “บะหมี่กึ่งสำเร็จ” ขึ้นไปแล้วซองละ 2 บาท และแม้แต่ “แกลบ” ก็ขึ้นราคาด้วย ถามว่า ฯพณฯ ท่าน จะให้ “คนจน” ไปกินอะไรได้อีก หรือถึงยุคต้อง “กินดิน” กันแล้ว….

@ที่ไม่ทำหน้าที่ก็ไม่ทำ แต่ที่ทำก็ทำกันเต็มที่ เช่น รุ่งรัตน์ ชัยจิระธิกุล นายกสมาคมสมาพันธ์ธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา ที่ร่วมมือกับทุกหน่วยงานทั้ง “จังหวัด” และ “ท้องถิ่น” หน่วยราชการ และ “เอกชน” ในการ “ฟื้นฟู” เศรษฐกิจการท่องเที่ยวของ จ.สงขลา โดยเน้นที่ “หาดใหญ่” หลังจากประสบความสำเร็จในการจัด “กิจกรรม” หลายอย่าง ตั้งแต่ “โควิด” คลี่คลาย วันที่ 7-16 กรกฎาคม นี้ มีการจัดงาน “เทศกาลอาหารหรอยผลไม้อร่อยและของดีเมืองใต้ ประจำปี 2565” ณ สวนหย่อมศุภสารรังสรรค์ (ตรงข้ามมูลนิธิท่งเซียเซี่ยงตึง) อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ก็เชิญชวนผู้ที่ต้องการ “ชิมของหรอย” ทุกท่านไปชิม ไปช้อป กันได้ ตามแต่ เงินในกระเป๋าที่มี ….เรื่อง “ทุเรียนอ่อน” ที่ “พ่อค้า” ส่งออกไปยัง “ประเทศจีน” กลายเป็น “เรื่องใหญ่” ที่กลับมา “เชือดคอ” เกษตรกรชาวสวนทุเรียนเอง เดือนนี้ ทุเรียน ของ จ.ยะลา และใกล้เคียง เริ่มมีการ “เก็บผล” พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จึงขอร้องและแจ้งเตือนไปยัง เกษตรกร เจ้าของสวน พ่อค้า และ “ล้ง” ทั้งหลาย อย่างตัดทุเรียนอ่อน อย่าซื้อทุเรียนอ่อน เพราะจะกลายเป็นการ “ทำร้าย” ทั้งผู้ขาย และ ผู้ซื้อ…..

@เสียงเตือนถี่ๆ ทั้งจาก ปลัดกระทรวง “สาสุข” และจาก “ชมรมแพทย์ชนบท” ถึงการ “กลับมา” ของ “โควิด-19” สายพันธ์ุใหม่ ที่มีการให้ข้อมูลว่า “ระบาด” ได้เร็วกว่าเดิม ฟังแล้ว ก็ให้เป็นห่วง “พื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้” ที่ในเดือนนี้จะพี่น้องผู้ที่เป็น “มุสลิม” เดินทางกลับจาก “แสวงบุญที่นครเมกกะ” ประเทศซาอุดีอาระเบีย จำนวนมาก ถ้า ผู้ว่าราชการจังหวัด, สาธารณสุขจังหวัด และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง “ตั้งรับ” ไม่ดี ระวัง ธุรกิจการค้า การท่องเที่ยว ที่กำลัง “ฟื้นตัว” จะต้อง “พังพาบ” ลงไปอีกครั้ง อะไรที่ควรทำก็รีบทำ อย่า “ล้อมคอก” เมื่อ “วัวหาย”…..

@เรื่องของ “การเมือง” แม้จะยังไม่รู้ว่าจะเลือกตั้งเมื่อไหร่ แต่ “การเมือง” ของแต่ละพรรค ก็มีการ “เปิดตัว” และ “โชว์ตัว” รวมทั้งการ “ซื้อเสียง” ล่วงหน้ากันแล้ว จับตาที่เขตเลือกตั้งที่ 3 จ.สงขลา เมื่อ “คนดัง” หลายคน “โคจร” มาเจอกัน เช่น ประชาธิปัตย์ ส่ง “สมยศ พลายด้วง” เถ้าแก่ถึก ลง “ชิมลาง” เพื่อเปลี่ยนอาชีพจาก “ผู้รับเหมา” มาเป็น ส.ส.ให้ได้ และ ไพร พัฒโน อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ รับอาสา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ในฐานะหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ลงชิงตำแหน่ง ส.ส.ในเขต 3 ซึ่งในอดีต ก่อนที่ “ไพร” จะผันตัวเองมาเป็น นายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ “ไพร” เคยเป็น ส.ส.เขต 3 มาก่อน ครั้งนี้ “เสือเฒ่า” ที่เชื่อว่า (หญ้ายังไม่งอกในรอยเท้า) จึง “มั่นใจ” ว่า เขต 3 คือพื้นที่ในการที่จะได้รับเลือกตั้งกลับเข้า “สภาหินอ่อนอีกครั้ง” และที่สำคัญเขตนี้ ยังมี “ม้ามืด” อย่าง ล่องหิ้น ทิพย์แก้ว นักการเมืองท้องถิ่น และ “ม้านอกสายตา” อย่าง สมชาย เล่งหลัก ประกาศลง “ชนช้าง” กับเขาด้วย สำหรับ ส.ส.เขตนี้ คือ พยม พรหมเพชร จากพรรคพลังประชารัฐ… วันนี้ยังบอกอะไรไม่ได้ว่าใครจะ “เข้าวิน” ใครจะเข้า “เพลส” แต่ที่พบเห็นคือ “ชาวบ้าน” ได้ “เฮ” กันแล้ว เพราะมีการ “สัมมนา” หัวคะแนน กันไปแล้ว “หลายยก” จ่ายกันเป็น “รายหัว” พอที่จะช่วยบรรเทาความ “ทุกข์เข็ญ” ในยามที่ “เศรษฐกิจอักเสบ” ไปได้บ้าง เขตนี้ “เกจิ” ทางการเมือง “ฟันธง” ว่า ต้องใช้ “ปัจจัย” ที่ 30-50 กิโลกรัม จึงจะวิ่งเข้า “เส้นชัย” ว่างั้น….

@ถือเป็น “คดีตัวอย่าง” คือ “คดีฮั้วประมูล” ระหว่าง อบจ.สงขลา และ บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด ที่ นิพนธ์ บุญญามณี  รมช.มท.2 ตกเป็น “จำเลย” ในความผิด ม.157 ที่ไม่จ่ายเงินให้ผู้ชนะการประมูล เพราะตรวจพบว่าเป็นการ “ฮั้วประมูล” ซึ่งเป็นเรื่องที่ “ผิดกฎหมาย” และ “นิพนธ์” ใช้เวลาในการต่อสู้คดีนานเกือบ 8 ปี จึงสามารถรวบรวมหลักฐาน ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ “เอาผิด” จนสามารถ “ออกหมายจับ” ผู้ทำการ “ฮั้วประมูล” ได้ จนผู้ต้องหามีการหลบหนีออกนอกประเทศ แต่ ศาลปกครองสูงสุด ได้มีการ “พิพากษา” ให้ อบจ.สงขลา จ่ายเงินให้บริษัท “ผู้ฮั้วประมูล” ซึ่งกลายเป็น “ผู้ต้องหา” แล้ว “80 ล้านบาท” ภายใน 60 วัน ถ้า อบจ.ต้องจ่ายเงินก้อนนี้ เท่ากับว่าการ “ต่อสู้” ของ นิพนธ์ บุญญามณี เพื่อรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดินและภาษีของประชาชนจะเป็นการ “สูญเปล่า” หรือไม่ และหากเป็นการ “สูญเปล่า” ใครจะเป็นผู้รับผิด ประเด็นนี้ฝากไว้ให้ช่วยกันคิดและช่วยกันแก้…แล้วพบกันวันศุกร์หน้าครับ.

————————————————————-

ไชยยงค์ มณีพิลึก 

บรรพชาหมู่.   พล.ต.อุทิศ อนันตนานนท์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานในการอุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ประจำปี 2565 ณ วัดประชุมธารา อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส 

เพื่อนหลังกำแพง.    บุญพาส รักนุ้ย รองเลขาธิการ ศอ.บต. น.อ.จะกรพงษ์ อภิมหาธรรม ผอ.กองส่งเสริมฯ ให้การต้อนรับ พระครูสังฆสิทธิกร และคณะจากวัดบวรนิเวศวิหาร และ อรสม สุทธิสาคร ศิลปินแห่งชาติ จากเพื่อนกลุ่มหลังกำแพง ที่นำพระพุทธรูป 55 องค์ เพื่อมอบให้หน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ ห้องรับรอง ศอ.บต. อ.เมือง จ.ยะลา 

มอบเงินประกันชีวิต.    พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการมอบเงินประกันชีวิตให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยมี พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ร่วมเป็นสักขีพยาน 

กำลังใจ.   นิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย เยี่ยมให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพให้ชาวบ้านในเขตเทศบาลเมืองเขารูปช้าง อ.เมือง จ.สงขลา ที่ได้รับผลกระทบจากพายุพัดบ้านเรือนได้รับความเสียหาย จำนวน 3 หมู่บ้าน โดยมี จักธร สุริแสง นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองเขารูปช้าง ให้การต้อนรับ 

ผ้าป่าสามัคคี.  พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. มอบหมายให้นายแพทย์สมหมาย บุญเกลี้ยง ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. มาทอดผ้าป่า, หล่อเทียนพรรษาและทำบุญอดีตเจ้าอาวาสวัดรังสิตาวาส (วัดสาเมาะ) อ.เมือง จ.ยะลา 

ต้อนรับ โอไอซี.   พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพน้อยที่ 4/รอง ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ให้การต้อนรับและประชุมหารือกับ คณะองค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) ในโอกาสเดินทางมาเยือนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ ห้องประชุม ศอ.บต. อ.เมือง จ.ยะลา 

เล่าเรื่องเมืองเก่า.   สุรียพรรณ์ ณ สงขลา รอง ผวจ.สงขลา เป็นประธาน เปิดพื้นที่ “นิทรรศการเล่าเรื่องเมืองเก่า ณ โรงสีแดง” โดยการสนับสนุนของบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ณ โรงสีแดง หับ โห้ หิ้น ถนนนครนอก ต.บ่อยาง อ.เมือง จ.สงขลา 

สานสัมพันธ์.    พ.ต.อ.เอกชัย พราหมณกุล ผกก.สภ.เบตง จ.ยะลา และคณะ ให้การต้อนรับ ผู้บังคับการตำรวจภูธร รัฐเปรัก พร้อมคณะเจ้าหน้าที่จากประเทศมาเลเซีย ในการเดินทางมาเยี่ยมเยือน แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ข้อราชการระหว่างประเทศ เพื่อสร้างสัมพันธ์อันดีต่อกัน ที่ สภ.เบตง จ.ยะลา 

ปัญหาที่ทำกิน.   พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สส.บัญชีรายชื่อ/เลขาธิการพรรคประชาชาติ รับฟังปัญหาและหนังสือร้องเรียนจากประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อน กรณีที่ทำกิน ในที่ดินกรมธนารักษ์ บ้านบ่อน้ำร้อน กม.4 อ.เบตง จ.ยะลา ณ ห้องประชุม โรงแรมปาร์คอินทาวน์ อ.เมือง จ.ปัตตานี 

บ่อน้ำตื้น.  มุขตาร์ มะทา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา พร้อมด้วย มะรอสลี หะ สมาชิกสภาฯ เขต 3 อ.กรงปีนัง และช่างองค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา ลงพื้นที่บ้านบารู หมู่ที่ 3 ตำบลห้วยกระทิง อำเภอกรงปีนัง จังหวัดยะลา เข้าเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ขุดบ่อน้ำตื้น ตามแผนในปีนี้เราได้ทำแผนไว้ 118 บ่อ และเครื่องจักรที่มีอยู่สามารถขุดบ่อได้วันละ 1 บ่อ ซึ่งเริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่เดือนเมษายน จนถึงกันยายน ปี 2565 เจาะไปแล้ว 58 บ่อ โดยมี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยกระทิง กำนัน ผู้ใหญ่ ให้การต้อนรับ 

พลังก้าวเดิน.  ต่วนอับดุลเลา ดาโอ๊ะมารียอ (อดีต ส.ว.ยะลา) ต้อนรับ กษิดิศ อาชวคุณ สมาชิกวุฒิสภา พร้อมด้วย ธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี รอง ผบช.ภ.9 ร่วมสร้างเสริมพลังก้าวเดิน เยาวชนชายแดนใต้ ให้คงคุณค่าวัฒนธรรม อัตลักษณ์ท้องถิ่นไทย มีการมอบรองเท้า จำนวน 400 คู่ เพื่อสร้างอนาคตแห่งการเรียนรู้ให้นักเรียนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ที่ด้อยโอกาส เด็กกำพร้า เด็กเปราะบาง รวมไปถึงกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ณ อ.รามัน จ.ยะลา 

แลกเปลี่ยน.   ไพเจน มากสุวรรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา เป็นประธานเปิดโครงการประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์ฉุกเฉินระดับสูง (ALS) ครั้งที่ 2/2565 ณ ห้องประชุมปรมี ชั้น 3 โรงแรมต้นอ้อย แกรนด์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 

ร่วมคิด ร่วมทำ.  สรรเพชญ บุญญามณี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 สงขลาพรรค ปชป. เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมพัฒนา เขารูปช้างของเรา ทั้งในเรื่องของการส่งเสริมอาชีพ สร้างรายได้ คุณภาพชีวิตที่ดี โครงสร้างพื้นฐาน สิ่งแวดล้อม การศึกษา การท่องเที่ยว การกีฬา วัฒนธรรมท้องถิ่น ณ ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ อ.เมือง จ.สงขลา 

พบประชาชน.    ร.ต.อ.อรุณ สวัสดี สงขลา เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่วัดท่าบอน ต.ท่าบอน อ.ระโนด จ.สงขลา เพื่อทำกิจกรรมพบปะชาชน แนะนำ ทำความเข้าใจเรื่องการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ครั้งใหม่ ด้วยความห่วงใยพี่น้องประชาชน 

กรีฑาสี.   บุ่นเล้ง  โล่สถาพรพิพิธ นายก อบจ.ตรัง เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันกรีฑาสีภายในโรงเรียนย่านตาขาวรัชนูปถัมภ์ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนมีการพัฒนาศักยภาพด้านกีฬา กรีฑา มีการพัฒนาทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม จิตใจ และสติปัญญา แสดงความมีน้ำใจเป็นนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย มีความสามัคคีในหมู่คณะ และรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และห่างไกลยาเสพติด โดยมี ภิญโญ จินตนปัญญา ผอ. พร้อมคณะครู บุคลากร และนักเรียน โรงเรียนย่านตาขาวรัชนูปถัมภ์ ให้การต้อนรับ 

เปิดป้ายก่อตั้งครบ 100 ปี.  โรงเรียนวัดสามกอง ต.เกาะแต้ว อ.เมือง จ.สงขลา ฉลองครบรอบการก่อตั้งครบ 100 ปี (1 ก.ค.65) พร้อมกับการเปิดป้าย 100 ปี โดยมี นางนุชนาถ จารณะ ปลัดอำเภอประจำตำบลเกาะแต้ว รอเซ็ง ไหรเจริญ นายกเทศบาลตำบลเกาะแต้ว ย่าโกบ หละตำ กำนันตำบลเกาะแต้ว โอภาส สังขรัตน์ ผู้อำนวยการสถานศึกษา ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น พี่น้องประชาชน เข้าร่วมในพิธี 

กิจกรรม ส.ส.กับประชาชน.  สมมุติ เบญจลักษณ์ ส.ส.ปัตตานี ร่วมกับ กลุ่มรักษ์สุขภาพลุ่มน้ำปัตตานี จัดกิจกรรมเชิญชวนประชาชนเดินออกกำลังกาย สำรวจเส้นทางย้อนรอยประวัติศาสตร์ ได้มาเช็กอินเมืองโบราณ ณ วังเก่า ต.จะบังติกอ เขตเทศบาลเมืองปัตตานี เพื่อให้เห็นความสำคัญเมืองประวัติศาสตร์ ที่มีประวัติยาวนาน เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวต่อไป 

เฉลิมชัย ครุอำโพธ์