หากพูดถึง “โรคมะเร็ง” แล้ว คงไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะเป็นอีกหนึ่งโรคฮิตที่คร่าชีวิตของคนไทย แต่เคยทราบกับบ้างหรือไม่ว่า… “มะเร็ง” 3 อันดับแรก คือ มะเร็งปอด, มะเร็งเต้านมในผู้หญิง และมะเร็งลำไส้ และที่สำคัญคือ..แม้จะไม่ได้เป็นคนที่สูบบุหรี่ ก็สามารถเป็นมะเร็งปอดได้! วันนี้ “Healthy Clean” มีข้อมูลมาฝากกัน
โดย นพ.ศิระ เลาหทัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หน่วยศัลยศาสตร์ทรวงอกและหัวใจภาควิชาศัลยศาสตร์ โรงพยาบาลวชิรพยาบาล ได้ให้ความเห็นเอาไว้ว่า ปัจจุบันถึงแม้ว่าเราจะมีวิธีการตรวจวินิจฉัยโรคมะเร็งได้เร็วและแม่นยำ แต่มะเร็งปอดก็คงยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของโลก อาการของมะเร็งปอด ส่วนมากมักไม่มีอาการ แต่อาจเริ่มต้นจากอาการไอ เจ็บหน้าอก หอบเหนื่อย บุคคลที่มีความเสี่ยงควรตรวจสุขภาพตัวเองบ่อย ๆ คือผู้ที่สูบบุหรี่ ซึ่ง “บุหรี่” เป็นปัจจัยหลักของการเกิดโรคมะเร็งปอดและโรคถุงลมโป่งพอง
แต่อย่างไรก็ตาม “การสูบบุหรี่แม้เป็นปัจจัยเสี่ยงหลักที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งปอด แต่ไม่ใช่ปัจจัยเสี่ยงเพียงอย่างเดียว” แต่ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัดว่าทำไม? ผู้ป่วยที่ไม่เคยสูบบุหรี่ ถึงสามารถเป็นมะเร็งปอดได้ แต่จากการศึกษาจากงานวิจัยหลาย ๆ ฉบับ ที่เกี่ยวข้องพบว่าสาเหตุอื่น ๆ ที่อาจทำให้เกิดความเสี่ยงมะเร็งปอดได้แก่
- สารเรดอน เป็นสารกัมมันตรังสีที่มีอยู่ทั่วไปทุกหนแห่ง ไม่มีรส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และไม่สามารถรับรู้ได้ด้วยประสาท สัมผัสใด ๆ ของมนุษย์ เป็นสารที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งปอดในมนุษย์ได้เป็นอันดับที่สอง รองจากบุหรี่
- แร่ใยหิน หรือ แอสเบสตอส เป็นสารก่อมะเร็งที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งโทษและพิษภัยของแร่ใยหินนั้น ก่อให้เกิดโรคมะเร็งปอด ไต และโรคมะเร็งที่มีชื่อว่า Mesothelioma ซึ่งสามารถพบผลิตภัณฑ์ที่คนไทยใช้อยู่บ่อย ๆ ก็คือ กระเบื้องมุงหลังคาแบบลูกฟูก, ท่อระบายน้ำ, กระเบื้องปูพื้น, ฝ้าเพดาน, ฝาผนัง, ฉนวนกันความร้อน, ท่อน้ำร้อน, หม้อไอน้ำ, พลาสติกขึ้นรูปต่าง ๆ
- สารเคมีหนัก
- การสูดดมควันบุหรี่จากคนใกล้ตัว (Second Hand Smoker)
- พันธุกรรมที่ผิดปกติ
“มีรายงานการศึกษาพบว่าผู้ป่วยมะเร็งปอดในทวีปเอเชียราว 30-40% เป็นผู้ที่ไม่เคยสูบบุหรี่มาก่อน” โดยมากกว่า 50% ของเพศหญิงนั้นไม่เคยสูบบุหรี่ ซึ่งจะแตกต่างจากประเทศในฝั่งทวีปยุโรป ซึ่งมีเพียงแค่ 10-20% เท่านั้นที่ไม่เคยสูบบหรี่ แต่กลับป่วยเป็นมะเร็งปอด สำหรับมะเร็งปอดไม่ได้พบมากแต่ในผู้ชายเท่านั้น เห็นได้จากสถิติในปี 2018 จากการสำรวจของ World Cancer Research Fund International ทั่วโลกมีผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดรายใหม่เพิ่มถึง 2 ล้านคน และยังพบ “ผู้หญิงป่วยเป็นโรคมะเร็งปอดมากติดอันดับ 1 ใน 3 ของโรคมะเร็งทั้งหมด”
โดยลักษณะของผู้ป่วยที่สูบบุหรี่กับไม่สูบบุหรี่นั้น ผู้ป่วยที่ไม่สูบบุหรี่นั้นส่วนมากมักจะพบมะเร็งชนิดที่เรียกว่า Adenocarcinoma ส่วนผู้ป่วยที่สูบบุหรี่ มักจะพบเป็น Squamous Cell Carcinoma ซึ่งมักจะพบในหลอดลมขนาดกลาง โดยมักอยู่ตรงกลางกลีบปอด มะเร็งประเภทนี้เกิดจากการกระตุ้นการอักเสบทำให้เกิดความเสี่ยงที่อาจส่งเสริมให้เป็นมะเร็ง แต่มะเร็งประเภท Adenocarcinoma มักจะอยู่ริมปอด นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ป่วยมะเร็งปอดที่ไม่เคยสูบบุหรี่มักจะพบความผิดปกติของยีนร่วมด้วย ได้แก่ EGFR (epidermal growth factor), anaplastic lymphoma kinase (ALK), ROS1 และ MET
สำหรับการรักษามะเร็งปอดของผู้ป่วยสูบบุหรี่ และไม่สูบบุหรี่ค่อนข้างคล้ายกัน ได้แก่ การผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัด และการฉายแสง สำหรับการผ่าตัดนั้นมีบทบาทหลักในกลุ่มที่เป็นมะเร็งปอดระยะเริ่มต้น (ระยะที่ 1 และ 2) โดยปัจจุบันการผ่าตัดปอดไม่ต้องกลัวอีกต่อไป เราสามารถผ่าตัดผ่านทางการส่องกล้องโดยเทคนิคที่เรียกว่า “Vats” ซึ่งการผ่าตัดจะมีแผลขนาดเล็ก 3-4 ซม. ช่องเดียว ส่งผลทำให้ผู้ป่วยเจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว และสามารถกลับมาดำรงชีวิตปกติได้อย่างรวดเร็ว ส่วนในการรักษาผู้ป่วยมะเร็งปอดระยะที่ 3 และ 4 การให้ยาเคมีบำบัด ยาพุ่งเป้า (Target therapy) และการฉายแสง เข้ามามีบทบาทเป็นหลัก
นอกจากนี้ ทางด้าน ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ได้เผยถึงแนวทางการณรงค์เพื่อลดโอกาสการเกิดมะเร็งจากการสูบบุหรี่ หรือได้รับควันบุหรี่มือสอง ด้วยการร่วมรณรงค์ 10 ข้อดังต่อไปนี้
- ฉันจะป้องกันไม่ให้ลูกหลานในบ้านติดบุหรี่ โดยเป็นแบบอย่างที่ไม่สูบบุหรี่
- ถ้าฉันไม่สูบบุหรี่ ฉันจะหลีกเลี่ยงการได้รับควันบุหรี่มือสอง
- ฉันจะทำให้สิ่งแวดล้อมใกล้ตัว บ้าน ที่ทำงาน ชุมชนปลอดควันบุหรี่
- ฉันจะสนับสนุนกฎหมายที่ให้พื้นที่สาธารณะเป็นเขตปลอดบุหรี่
- ฉันจะเผยแพร่ความรู้อันตรายของการสูบบุหรี่ และการได้รับควันบุหรี่มือสองเมื่อมีโอกาส
- ฉันจะร่วมรณรงค์เพื่อให้ร้านค้าปลีกไม่ขายบุหรี่แก่เด็กที่อายุไม่ถึง 20 ปี และไม่แบ่งซองขาย
- ฉันจะเชิญชวน ให้กำลังใจ และสนับสนุนคนในบ้าน และคนใกล้ชิดในการเลิกสูบบุหรี่
- ถ้าฉันสูบบุหรี่ ฉันจะเลิกสูบให้ได้ โดยจะไม่เพียงแต่คิดที่จะเลิก แต่จะลงมือเลิก
- ถ้าฉันเลิกสูบด้วยตัวเองไม่ได้ ฉันจะเข้ารับการรักษาการเลิกสูบบุหรี่ หรือโทรฯ ไปที่ 1600 สายด่วนเลิกบุหรี่
- ถ้าฉันยังเลิกสูบบุหรี่ไม่ได้ ฉันจะไม่สูบในบ้าน ในรถส่วนตัว ไม่สูบใกล้คนอื่น ไม่สูบในที่สาธารณะ
ถึงแม้ว่า “มะเร็งปอด” นั้นอาจเกิดได้กับทุกคน แต่การป้องกันก็ย่อมดีกว่าการรักษา ฉะนั้นคนที่คิดจะสูบบุหรี่ก็ขอให้นึกถึงผลเสียที่จะตามมา และควรหลีกเลี่ยงสารเคมี หรือความเสี่ยงที่จะทำให้เกิด “มะเร็ง” เพราะการไม่เกิดความเจ็บป่วย ย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว..
………………………………………….
คอลัมน์ : Healthy Clean
โดย “พรรณรวี พิศาภาคย์”