ดูท่าจะไม่ธรรมดาซะแล้ว สำหรับ “What If…?” ซีรี่ส์แอนิเมชั่นเรื่องแรกจาก “มาร์เวล สตูดิโอส์” ที่จะหยิบเอาหลากหลายเหตุการณ์ที่แฟน ๆ คุ้นเคย จาก “จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล (MCU)” มานำเสนอในมุมมองใหม่ ด้วยเรื่องราวในอีกเส้นไทม์ไลน์ พร้อมด้วยคำถามที่ว่า “จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าสิ่งที่เคยรู้จัก ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปในจักรวาลนี้” ผลงานผู้กำกับ ไบรอัน แอนดรูว์ส  เสริมทัพด้วย เอซี แบรดลีย์  มานั่งแท่นหัวหน้าทีมเขียนบท ที่นำเสนอฉากแอ็กชั่นสุดมันส์ในแบบฉบับ มาร์เวล และจุดพลิกผันของเรื่องราวที่แฟน ๆ ต้องทึ่ง โดยล่าสุดทาง  “มาร์เวล สตูดิโอส์” ได้ปล่อยตัวอย่างออกมาเรียกน้ำย่อย กับหลากหลายตัวละครที่มาพร้อมเรื่องราวสุดเซอร์ไพร้ส์ วันนี้ “มูฟวี่โซน” เลยไม่พลาดแฟน ๆ ไปสำรวจทุกความเป็นไปได้ของเรื่องราวที่ปรากฎในตัวอย่าง เพื่อเป็นการอุ่นเครื่องกัน

“อีริค คิลมองเกอร์” ช่วย “โทนี่ สตาร์ค ”

ตัวอย่างล่าสุดของ “What If…?”  ประเดิมด้วยฉากที่ โทนี่ สตาร์ค หรือ “ไอรอนแมน” มหาเศรษฐี เพลย์บอย  ยอดอัจฉริยะนักประดิษฐ์ ถูกกลุ่มผู้ก่อการร้าย “เท็นริงส์”  จับตัวกลางทะเลทราย หนึ่งในฉากที่อยู่ในหนัง “Iron Man” ภาค 1  ซึ่งจากเดิมที่เขาควรถูกลักพาตัวไป แต่เรื่องราวจะเป็นยังไง เมื่อในซีรี่ส์ อีริค คิลมองเกอร์ วายร้ายจากหนัง “แบล็ค แพนเธอร์” ก็โผล่เข้ามาช่วยไว้ได้ แถมยังขว้างขีปนาวุธ ที่เขียนว่า “Stark Industries” ทิ้งได้ด้วยมือเปล่า ก่อนที่ทั้งคู่จะกลายเป็นเพื่อนกัน หลังจากนั้นยังปรากฏฉากที่  อีริค  นำกองทัพ “วากานด้า” ออกรบอย่างห้าวหาญ และดูเหมือนเขาจะขึ้นครองตำแหน่งกษัตริย์แห่ง “วากันดา” แทน ที ชัลล่า อีกด้วย

 เมื่อ “ที ชัลล่า” กลายเป็น “สตาร์ลอร์ด”

จะเป็นยังไงหากว่า  ที ชัลล่า หรือ “แบล็ค แพนเธอร์” และกษัตริย์แห่ง “วากันดา” โดน ยอนดู อูดอนต้า  หัวหน้าแก๊งค์ “ราเวนเจอร์” ใน “Guardians of the Galaxy” จับตัวไป โดยในตัวอย่าง แฟน ๆ จะได้เห็น “ที ชัลล่า”  เดินทางข้ามอวกาศไปกับ ยอนดู ซึ่งเท่ากับว่าในความเป็นจริงในเส้นเวลานั้น ที ชัลล่า ตัดสินใจเลือกเป็น “สตาร์ ลอร์ด” ไม่ใช่ “แบล็ค แพนเธอร์”  ซึ่งมันนน่าสนใจมาก ๆ เพราะคาแรกเตอร์ของ “แบล็ค แพนเธอร์” ที่ดูสุขุม จริงจัง นั้นแตกต่างจาก “สตาร์ลอร์ด” ที่ดูขี้เล่นและกวน ๆ อย่างสินเชิ้งทีเดียว

นอกจากนี้ในทีเซอร์ยังเผยให้เห็นตอนที่ ที ชัลล่า เข้าไปเอา “พาวเวอร์ สโตน” ซึ่งเป็นเหตุการณ์ปรากฎในหนัง “Guardians of the Galaxy” ภาค 1 รวมทั้งมีซีนที่ ที ชัลล่า กำลังต่อสู้กับกองทัพต่างดาว โดยมี ยอนดู มาช่วยด้วย Yaka Arrow ลูกศรที่เป็นอาวุธสุดเท่ประจำตัว รวมทั้งฉากที่  ที ชัลล่า และ ยอนดู รวมพลังสู้กับ “เดอะ คอลเลคเตอร์” ที่อัพลุคมาใหม่ ดูโหดกว่าเดิม และยังมีซีนร่วมกับ แดร็กซ์ จอมทำลายล้าง ด้วย ที่สำคัญ แชดวิก โบสแมน ผู้รับบท “แบล็ค แพนเธอร์”  ก็ได้เป็นผู้ให้เสียง ที ชัลล่า ก่อนที่เขาจะจากโลกนี้ไป นับเป็นอีกหนึ่งผลงานดี ๆ ที่ แชดวิก ฝากเอาให้กับแฟน ๆ ทั่วโลก

“เพ็กกี้ คาร์เตอร์” เป็นซูเปอร์โซลเยอร์ “กัปตันบริเทน”

ว่าด้วยเรื่องราวที่ “เอเจนท์คาร์เตอร์” หรือ เพ็กกี้ คาร์เตอร์ ได้เข้าตู้ฉีดเซรุ่ม จนกลายเป็นซูเปอร์โซลเยอร์แห่งอังกฤษ “กัปตันบริเทน” โดย เพ็กกี้ ปรากฏตัวด้วยชุดสูทปฏิบัติการ ที่มีลายธงชาติสหราชอาณาจักร พร้อมด้วยโล่และ ดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ ที่ “กัปตันบริเทน” ใช้ในคอมมิก นอกจากนี้ยังมีหลากหลายซีนต่อสู้สุดเท่และทรงพลังของ เพ็กกี้ รวมไปซีนที่เธอขึ้นขี่หลังหุ่นยนต์ไอรอนแมนยุคโบราณ  ทะยานขึ้นฟ้า โดยในเรื่องนี้ เพ็กกี้ ได้แนะนำตัวเองว่าเป็น “กัปตันคาร์เตอร์” นอกจากนี้ยังได้เห็น สตีฟ โรเจอร์ และ ฮาเวิร์ด สตาร์ค ด้วย

“ซอมบี้ อเวนเจอร์ (Zombie Avengers)” ก็มา

ในตัวอย่างเราจะได้เห็น “ไอรอนแมน” หรือ โทนี่ สตาร์ค และ “กัปตัน อเมริกา” หรือ สตีฟ โรเจอร์ ได้กลายเป็นซอมบี้ที่กราดเกรี้ยว หิวหระหาย โดยมีฉากที่ “กัปตัน อเมริกาซอมบี้” ได้ข้างโล่ใส่ “วินเทอร์โซลเจอร์” หรือ บัคกี้ บาร์นส ก่อนที่ บัคกี้ จะขว้างโล่กลับคืนด้วย 

สำหรับสตอรี่ไลน์ของเรื่องราวนี้มาจาก “มาร์เวล ซอมบี้”  เป็นคอมิกส์ ที่ตีพิมพ์ในช่วง 2005 – 2006 มีจำนวน 5 ฉบับ  เขียนขึ้นโดย โรเบิร์ต เคิร์กแมน ผู้เขียนคอมมิค “The Walking Dead”  ศิลปินวาดลายเส้นโดย ฌอน ฟิลลิปส์ เรื่องราวเกิดขึ้นบนโลกจักรวาลหมายเลข Earth  2149 (ในจักรวาลหนัง Marvel Cinematic Universe  มีหมายเลขจักรวาลหมาย Earth 199999 ) เมื่อประชากรบนโลกติดเชื้อไวรัสกลายเป็นซอมบี้ รวมถึงเหล่าซูเปอร์ฮีโร่  “อเวนเจอร์ส”  ด้วย โดยหลังติดเชื้อได้กลายเป็นผีดิบ แต่ยังมีลักษณะหลัก ๆ และพลังวิเศษเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือความหิวกระหาย ไล่กินมนุษย์ ซึ่งเป็นอีกเรื่องราวที่แฟน ๆ รอคอย

“ด็อกเตอร์ สเตรนจ์” เข้าสู่ด้านมืด

เมื่อสุดยอดจอมมหาเวทย์ผู้เก่งกาจ “ด็อกเตอร์ สเตรนจ์” หรือ สตีเฟน สเตรนจ์ เข้าสู่ด้านมืด จะเป็นยังไง โดยในซีรี่ส์เผยให้เห็นเส้นเรื่องที่ ด็อกเตอร์ สเตรนจ์ เข้ามาศึกษาเรียนรู้ด้านเวทย์มนต์ ก่อนจะเผยให้เห็นซีนที่เขาได้ก้าวเขาสู่ด้านมืด มีการได้ต่อสู้กับ “ดิ เอนเชี่ยน วัน” ซึ่งในหนังคืออาจารย์ที่คอยสอนด้านพลังเวทย์ให้ ด็อกเตอร์ สเตรนจ์ นอกจากนี้ยังมีซีนที่ทำให้แฟน ๆ ตื่นเต้น เมื่อ ด็อกเตอร์ สเตรนจ์ ได้ต่อสู้กับตัวที่เป็นด้านมืดของตัวเองอีกด้วย

“โลกิ” เป็นราชา “แอสการ์ด”

ในซีรี่ส์นี้เรายังจะได้เห็น “โลกิ” ที่ได้กลายเป็นราชาแห่ง “แอสการ์ด” พร้อมนำทัพเข้ามาในโลก โดยได้เผชิญหน้ากับ นิค ฟิวรี่  และกองทัพรถถัง รวมถึงยังได้เห็น “โลกิ” ให้พลังจาก “The Casket of Ancient Winters” หรือ “หีบศักดิ์สิทธิ์” ของชาวโยธันไฮม์ ซึ่งเป็นอาวุธที่ทรงพลังของเหล่ายักษ์น้ำแข็ง บนโลกมนุษย์อีกด้วย

รวมทีมฮีโร่ในอีกเส้นไทม์ไลน์          

จากฉากซิกเนเจอร์ในตำนานของเหล่า “อเวนเจอร์ส” รุ่นแรก ที่มี “ไอรอนแมน”  , “กัปตัน อเมริกา” , “ธอร์” , “ฮัลค์” , “แบล็ควิ โดว์” และ “ฮอว์กอาย”  กับซีนรวมพลังกันสู้กับกองทัพต่างดาว ที่ “โลกิ” นำทัพมาบุกโลก ที่เมืองนิวยอร์คในหนัง “The Avengers” ได้กลายมาเป็นทีม “อเวนเจอร์” ในมัลติเวิร์ส  ซึ่งกำลังต่อสู้กับบางสิ่งที่ร้ายแรงมาก ๆ โดยมี ที ชัลล่า ที่กลายเป็น “สตาร์ ลอร์ด” , กาโมร่า ซึ่งกำลังถือดาบของ ธานอส ที่ใช้สู้ใน “Avengers Endgame.” ร่วมด้วย “กัปตันบริเทน”  , ธอร์ และ “แบล็ค แพนเธอร์” ซึ่งถ่ายด้วยมุมกล้องแบบเดียวกันเป๊ะ!

ฮาเวิร์ด เดอะ ดั๊ก (Howard The Duck)

ในซีรี่ย์นี้เราจะได้พบกับ “ฮาเวิร์ด เดอะ ดั๊ก” ให้เสียงโดย เซธ กรีน ซึ่งเจ้าเป็ดตัวนี้เคยปรากฏตัวเป็นคามิโอมาแล้วในฉากเอ็นด์เครดิตของหนัง “Guardians Of The Galaxy”  และยังปรากฏตัวอีกครั้งในซีน Avengers Assemble  ที่เหล่าซูเปอร์ฮีโร่รวมพลังต่อสู้ กับ ธานอส ในหนัง “Avengers Endgame.”

สำหรับ “ฮาเวิร์ด เดอะ ดั๊ก” เป็นคอมมิกส์ ที่เขียนขึ้นโดย สตีฟ คาร์เบอร์ และวาดภาพโดย วาล เมย์อีริค  ปรากฏตัวขึ้นครั้งแรกในหนังสือการ์ตูนชื่อ “Adventure into Fear” ในปี 1973  ซึ่ง เจ้าเป็ดฮาเวิร์ด นี้เป็นตัวละครตลกแนวเสียดสีสังคมที่กำลังเป็นประเด็นเผ็ดร้อน รวมถึงเรื่องราวทางการเมือง และยังมีความเกี่ยวพันกับเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ในเวอร์ชั่นล้อเลียนหลายคน  อาทิ “Ducktor Strange” ที่ล้อกับชื่อ “Doctor Strange”  เป็นต้น แต่ในซีรี่ย์นี้ยังไม่มีรายละเอียดแน่ชัดว่า จะมีคาแรกเตอร์ยังไง แต่เชื่อว่าน่าจะมีบทบาทที่สำคัญต่อเนื้อเรื่องไม่น้อย

การปรากฏตัวของ “เดอะ วอทเชอร์ส (The Watchers)”

อีกความน่าตื่นเต้นก็คือ เราจะได้เห็น “เดอะ วอทเชอร์ส” อีกหนึ่งตัวละครสำคัญในคอมมิคมาร์เวล ซึ่งก่อนหน้านี้ “เดอะ วอทเชอร์ส”  เคยถูกเอ่ยถึงมาแล้วในภาพยนตร์ “Guardians of the Galaxy Vol. 2” หรือ ภาค 2 แต่ครั้งนี้น่าจะเป็นการปรากฏตัวแบบเต็ม ๆ สำหรับ “เดอะ วอทเชอร์ส” ให้เสียงโดย  เจฟฟรีย์ ไรท์  โดยจะเป็นผู้คอยเฝ้าดูทุกเหตุการณ์ความรั่วไหล บันทึกเรื่องราว โดยไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวเด็ดขาด! และแน่นอนว่าการมาของ “เดอะ วอทเชอร์ส”  อาจขยายเรื่องราวของจักรวาลนี้ออกไปได้มากมายทีเดียว

รวมทุกสิ่งของความเป็นไปได้

นอกจากนี้เรายังได้เห็นอีกหลากหลายตัวละครมาปรากฏตัวใน ทั้ง  ชูริ เจ้าหญิงอัจริยะด้านเทคโนโลยีแห่ง “วาคานด้า” พร้อมด้วยเหล่านักรบหญิงกองทัพ “ดอร่า มิลาเจ” กำลังรบกับบางสิ่ง แต่ที่เซอร์ไพร้ส์คือมี เปปเปอร์ พอตส์ หวานใจ โทนี่ สตาร์ค ร่วมซีนต่อสู้ด้วย และยังมีฉากที่  “ดอร่า มิลาเจ” พุ่งหอกใส่ “สการ์เล็ท วิทช์” ที่กำลังปลดปล่อยพลัง รวมทั้งซีนที่“ฮัลค์” และ “ธอร์” กำลังต่อสู้กับแก๊งค์หุ่นยนตร์อัลตรอน , “วิชั่น” กำลังดึงมายน์ สโตน บนหน้าผากตัวเอง นอกจากนี้ยังมี  “อีโก้” , “สไปเดอร์แมน” , “กัปตัน มาร์เวล” , “แบล็ควิ โดว์” , “ฮอว์กอาย” และหัวของ “แอนท์แมน” เป็นต้น

เตรียมตัวให้ดี แล้วไปพบกับทุก “ความเป็นไปได้” ใน “จักรวาลมาร์เวล” ที่ไม่สิ้นสุดนี้ พร้อมเรื่องราวที่ทำให้แฟน ๆ ต้องทึ่ง ใน “What If…?” ทางดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์ เปิดตัววันที่ 11 ส.ค. นี้  และติดตามอัพเดทข่าวสารอื่น ๆ ได้ที่ยูทูบช่อง Dailynews Live-TH  และเฟซบุ๊ก Dailynews รวมทั้งทุกแพลตฟอร์มของ “เดลินิวส์”

ภาพ (PHOTO) : Marvel Studios