“ราคาปลาสูงขึ้นแบบขูดเลือดขูดเนื้อ ราคาน้ำมันสูงขึ้นแบบขูดเลือดขูดเนื้อ และทุกอย่างที่อยู่ในส่วนของสิ่งที่เราขายแพงขึ้นแบบขูดเลือดขูดเนื้อ” นายซิงห์ บอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์ส
แม้นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ผู้นำสหราชอาณาจักร เคยให้คำมั่นว่าจะทำให้ธุรกิจฟิชแอนด์ชิปส์ ฟื้นตัวจากการระบาดอีกครั้ง แต่ในปัจจุบัน ภาวะเงินเฟ้อที่สูงสุดในรอบ 40 ปี เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อรัฐบาลลอนดอน และธนาคารแห่งอังกฤษ
นอกจากนี้ ราคาสินค้าที่สูงขึ้นยังทำให้เศรษฐกิจของประเทศทรุดตัวหนักกว่าเดิม จนร้านค้ามากกว่า 3 ส่วนในอังกฤษ เสี่ยงต่อการปิดกิจการในปีนี้ เนื่องจาก “เคราะห์ซ้ำกรรมซัด” ของแรงกดดันด้านราคา
เมนู ค็อดแอนด์ชิปส์ ในร้านของนายซิงห์ตอนนี้มีราคาอยู่ที่ 9.50 ปอนด์สเตอร์ลิง (ประมาณ 409 บาท) เทียบกับราคา 7.95 ปอนด์สเตอร์ลิง (ประมาณ 342 บาท) เมื่อปีที่แล้ว โดยเขากล่าวว่า หากเขาขึ้นราคาตามต้นทุนที่สูงขึ้น ราคาเมนูอาจเกือบถึง 11 ปอนด์สเตอร์ลิง (ประมาณ 474 บาท) ได้
ปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครน เป็นตัวผลักดันให้ราคาเชื้อเพลิงและไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายของการจับและทอดปลาสูงขึ้นตามมา อีกทั้งสงครามยังทำให้ราคาน้ำมันปรุงอาหาร ปุ๋ย และแป้ง ขยับขึ้นเช่นกัน โดยเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลสหราชอาณาจักรขึ้นบัญชีดำ ให้ปลาไวท์ฟิชรัสเซีย อยู่ในกลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากภาษีศุลการกรถึง 35% โดยเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการคว่ำบาตรต่อการรุกรานในยูเครน
ด้านโฆษกประจำกระทรวงสิ่งแวดล้อม อาหาร และกิจการชนบท กล่าวว่า ทางกระทรวง “กำลังทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับภาคอุตสาหกรรม ซึ่งรวมไปถึงสหพันธ์ผู้ทอดปลาแห่งชาติ (เอ็นเอฟเอฟเอฟ) เพื่อบรรเทาความท้าทายที่พวกเขากำลังเจอ” อย่างไรก็ตาม สหพันธ์ระบุว่า ร้านค้าขายฟิชแอนด์ชิปส์ กำลังเผชิญกับวิกฤติครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ที่เมืองสวาเนจ ในมณฑลดอร์เซ็ต นายมัลคอล์ม เพเธอริค ช่างก่อสร้าง อายุ 73 ปี กังวลว่า ความเปลี่ยนแปลงที่ได้เห็นในช่วงชีวิตของเขา อาจส่งผลให้สหราชอาณาจักรสูญเสียส่วนหนึ่งของมรดกทางวัฒนธรรมได้
“ในตอนที่ที่ฉันเติบโตมา มันเป็นอาหารคนจน” เขากล่าว “แต่ในตอนนี้ แค่ซื้อฟิชแอนด์ชิปส์ 2 ชุดใหญ่ก็ต้องจ่าย 23 ปอนด์สเตอร์ลิง (ประมาณ 990 บาท) แล้วครอบครัวไหนจะซื้อไหวล่ะ?”.
เลนซ์ซูม
เครดิตภาพ : REUTERS
