แม้บักวีตของรัสเซียยังสามารถนำเข้าได้ แต่ด้วยความไม่แน่นอนและการหยุดการขนส่ง ทำให้การจัดหาสินค้าเกิดการชะงักและความล่าช้า สิ่งนี้ได้ซ้ำเติมความเจ็บปวดต่อเจ้าของร้านโซบะ ดังเช่น อิชิฮาระ ซึ่งกำลังตกที่นั่งลำบากจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ที่แพงขึ้นทั่วทั้งโลก ควบคู่กับเงินเยนที่อ่อนค่า ส่งผลให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นซอสถั่วเหลือง, แป้ง และผักต่างๆ ที่ใช้ในการทำหน้าเท็มปุระ หรือแม้แต่ปลาที่ใช้ทำน้ำซุป ก็มีราคาเพิ่มขึ้นเหมือนกันหมด ราคาโซบะของร้านอิชิฮาระ เพิ่มขึ้นจาก 290 เยน (ประมาณ 76 บาท) เป็น 550 เยน (ประมาณ 145 บาท) และส่วนเสริมอย่างเช่นเท็มปุระ และชุดเซตพร้อมข้าว จะมีราคาเพิ่มขึ้นไปอีก

แม้โซบะคือหนึ่งในอาหารที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศ แต่เมื่อปี 2563 ญี่ปุ่นผลิตบักวีตได้เพียง 42% ของความต้องการ จากข้อมูลของสมาคมโซบะแห่งญี่ปุ่น แต่การนำเข้าจากแหล่งบักวีตอันดับ 3 เมื่อปี 2561 อย่างรัสเซีย ช่วยอุดช่องว่างความต้องการของประเทศได้ ตามข้อมูลของกระทรวงเกษตรญี่ปุ่น

Reuters

ทั้งนี้ รัสเซียเป็นผู้ส่งออกบักวีตอันดับ 2 แทนจีน ในปี 2564 และขึ้นเป็นอันดับ 1 เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา หลังจากนั้น เป็นเหตุการณ์ที่รัสเซียปฏิการทางทหารในยูเครน ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์สูงขึ้น ขณะที่ราคาเงินเยนของญี่ปุ่นอ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 20 ปี ยิ่งไปกว่านั้น การคว่ำบาตรและการลงโทษระบบธนาคารรัสเซียอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นการกีดกันรัฐบาลมอสโกออกจากระบบการเงินระหว่างประเทศ ส่งผลให้ทำการชำระเงินในบางบัญชีได้ยากขึ้น

ผลกระทบที่เกิดขึ้นกลายเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวสำหรับผู้นำเข้าโซบะ และเจ้าของโรงสีอย่าง หัว เยี่ย ที่แผนกจัดซื้อของบริษัท นิกโคคุ เซอิฟุน จำกัด ในเมืองมัตสึโมโตะ ซึ่งเป็นพื้นที่ผลิตโซบะแบบดั้งเดิมในจังหวัดนากาโนะ บริษัทของเธอนำเข้าเมล็ดบักวีตจากรัสเซีย เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ รวมถึงจีน ในบรรจุกระสอบ 800-1,000 ตัน แต่เธอปฏิเสธที่จะบอกถึงตัวเลขเปอร์เซ็นต์จริง ที่แต่ละประเทศจัดส่งมา

จนถึงตอนนี้ ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดยังเป็นความล่าช้า และราคาบักวีตรัสเซียที่สูงขึ้น 30% มานานกว่า 6 เดือน แม้ว่าส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะการหยุดส่งออกเมื่อปีที่แล้ว ที่ได้รับการแก้ไขไปแล้วก็ตาม

เนื่องจากรัสเซียผลิตบักวีตเป็นสัดส่วนครึ่งหนึ่งของโลก หากเกิดปัญหาขึ้นก็หมายความว่า อุปทานจะย้ายไปยังผู้ผลิตอันดับ 2 ซึ่งก็คือ จีน อย่างไรก็ตาม จีนลดการผลิตบักวีตทุกปี ทำให้ราคาบักวีตมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นกว่านี้ได้

เคอิได ฟุคุฮาระ ลูกค้าประจำของอิชิฮาระ ที่มาทานโซบะที่ร้านสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ไม่สนใจกับราคาที่เพิ่มขึ้น แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็อาจมีขีดจำกัดอยู่เช่นกัน “มันยังไม่เป็นไรอยู่” พนักงานออฟฟิศวัย 27 ปี กล่าว “ถ้าราคาอยู่ที่ราว 500 เยน (ประมาณ 132 บาท)”.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : REUTERS