เมื่อวันที่ 26 เม.ย. นายดนุพร ปุณกันต์ หรือ “บรู๊ค” ประธานคณะกรรมการรณรงค์เลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวในคลิปวิดีโอ ทำไมต้องเลือก ส.ก.เพื่อไทย เผยแพร่ในเพจเฟซบุ๊กพรรค พท. ระบุว่า นายดนุพร ผ่านการทำงานการเมืองมาแล้ว 17 ปี ผ่านการทำหน้าที่เป็น ส.ส.กทม. และรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมาแล้ว มองเห็นปัญหาของคนไทยทั้งในระดับประเทศและปัญหาของคนกรุงเทพฯ โดยเฉพาะความยากจนและปากท้องที่เป็นเรื่องใหญ่ ปัญหาความยากจนเป็นเรื่องใหญ่ ตนเคยลงพื้นที่แถวคลองเตยและชุมชนต่างๆ ตอนปี 54 มีโอกาสลง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้ลงพื้นที่เยอะมาก สมัยหาเสียงกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปหลายจังหวัด ได้เห็นทั้งความยากจนความแห้งแล้ง และนโยบายของพรรคการเมือง จะต้องช่วยให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้ ซึ่งน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ดังนั้นใครก็ตามที่เป็นรัฐบาลเมื่อเข้ามาแล้วคุณมีเวลา 4 ปี ควรจะมีนโยบายที่ช่วยให้คนไทยสามารถลืมตาอ้าปากได้ ช่วยให้คนไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้ ช่วยลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และขยายโอกาสให้เขาได้ทำมาหากิน

นายดนุพร กล่าวว่า ปากท้องคือเรื่องสำคัญ กรุงเทพฯ มีประชากรหลายล้าน มีประชากรแฝงด้วย ถามว่าเขาเข้ามาทำไมเพราะกรุงเทพฯ ​คือเมืองหลวง เป็นแหล่งหางานหาเงิน ให้เขาส่งเงินเหล่านั้นกลับไปที่บ้านของเขา ถ้าคนที่มาทำงานในกรุงเทพฯ สามารถลดภาระของเขาได้ลดภาระในการเดินทาง ภาระในยามเจ็บป่วย ลดภาระต่างๆ ในชีวิตของเขา ถ้าทำได้ ตนมองว่ากรุงเทพฯ จะน่าอยู่กว่านี้ แต่แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถเกิดขึ้นจริงได้ใน 1-2 ปี มันต้องเป็นนโยบายที่ต่อเนื่อง ต้องใช้ความทุ่มเทจากผู้มีอำนาจรัฐในการบริหารจัดการ ปัญหาในกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเรื่องปากท้อง อากาศ รถติด สิ่งที่จะแก้ปัญหาได้คือผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ และการบริหารจัดการที่เป็นระบบ

“กรุงเทพฯ ต้องการนโยบายที่ดี คนที่จะลงมือทำอย่างจริงจัง และจุดเด่นของเพื่อไทยคือนโยบาย ที่เราเคยทำให้ประชาชนเห็นแล้วว่าสมัยที่เราเป็นรัฐบาล แน่นอนว่าไม่มีรัฐบาลไหนที่ทำได้ครบทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยสัญญากับประชาชนไว้ แต่ผมคิดว่าวันนี้ประชาชนเคยได้เห็นเองกับประสบการณ์แล้ว ว่า ณ วันที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เราได้ทำตามสัญญา ตามนโยบายที่เราหาเสียงไว้อย่างไร เช่นเดียวกัน หลังจากเกิดรัฐประหารปี 57 เราอยู่กับคณะรัฐประหารนี้มา 8 ปีแล้ว เขาทำอะไรให้กับเราตามที่เขาสัญญาบ้าง วันนี้ผมคิดว่าประชาชนสามารถตอบคำถามได้ด้วยตัวเองว่า ควรจะเลือกใครมาเป็นผู้บริหาร ควรจะเลือกนโยบายของใครมาขับเคลื่อนเมืองหลวงของประเทศไทย”

นายดนุพร กล่าวด้วยว่า คนกรุงเทพฯ ไม่ได้มี ส.ก.มาหลายปีแล้ว ไม่มีระบบตรวจสอบเลยว่า ผู้ว่าฯ คนที่ผ่านมาได้นำภาษีของเราไปใช้ในทางที่ถูกหรือที่ผิดอย่างไร ดังนั้นการเลือกพรรค พท. นอกจากจะเพื่อไปสนับสนุนการทำงานของผู้ว่าฯ กทม. ในทางที่ถูกที่ควรแล้ว อีกหนึ่งอย่างก็คือการตรวจสอบ อีกทั้ง 8 ปีที่ผ่านมา ส.ก.ก็มาจากการแต่งตั้งทั้งหมด และทุกคนต่างก็มีตำแหน่งใหญ่โต เป็นปลัดกระทรวง เป็นอดีตผู้ว่าฯ ซึ่งเขาไม่เข้าใจชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ดังนั้นจึงมองว่า ถ้าพี่น้องประชาชนอยากให้นโยบายของพรรค พท. ปฏิบัติได้จริง ทำได้จริง นำไปสู่ความสำเร็จจริงๆ ส.ก.เพียงแค่ 5 หรือ 10 คน ในสภานั้นไม่เพียงพอ เราต้องได้เสียง ส.ก.มากพอที่จะขับเคลื่อนนโยบายเหล่านั้นไปสู่การปฏิบัติ

นายดนุพร กล่าวอีกว่า ในการเลือกตั้ง ส.ก.ครั้งนี้ พรรค พท. นำเสนอนโยบาย ‘ลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ กระจายความมั่งคั่งให้แก่คนกรุงเทพฯ อย่างถ้วนหน้า’ ด้วย 5 นโยบายหลัก คือกองทุนพัฒนาชุมชน 200,000 บาทต่อปี 50 เขต 50 โรงพยาบาล, 30 บาทถึงที่หมาย, 437 สถานศึกษาพัฒนาสร้างรายได้ และ 50 เขต 50 ซอฟต์พาวเวอร์ เพื่อนำไปสู่การคืนความมั่งคั่งให้คนกรุงเทพฯ เราต้องขับเคลื่อนเมืองหลวงของประเทศไทยก่อน การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรัฐบาล แต่เป็นการวางรากฐานว่าคนกรุงเทพฯ ควรจะเริ่มกินดีอยู่ดีได้แล้วเพราะความกินดีอยู่ดีนั้นควรจะเริ่มต้นขึ้นจากเมืองหลวงคือกรุงเทพฯ ดังนั้นตนเชื่อว่าพรรค พท. คือคำตอบสุดท้ายของการเลือกตั้งวันที่ 22 พ.ค. 65