ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทุเรียนนอกจากจะปลูกและให้ผลผลิตดีทางภาคตะวันออก และภาคใต้ แล้ว ภาคกลางที่ จ.สมุทรสงคราม แม้จะอยู่ชายทะเล แต่ก็สามารถปลูกทุเรียนให้ผลผลิตและรสชาติดี เช่น นายเอกชัย เทียนชัย ผญบ.หมู่ 3 ต.บ้านปราโมทย์ อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม เจ้าของสวนทุเรียนกว่า 10 ไร่ ประมาณ 400 ต้น บอกว่าเริ่มปลูกทุเรียนกว่า 10 ปีแล้ว เนื่องจากลิ้นจี่ให้ผลผลิตไม่คงเส้นคงวา จึงทดลองนำพันธุ์ทุเรียนหมอนทอง และพันธุ์ก้านยาว มาทดลองปลูกแซมตามร่องสวน ผลปรากฏว่าให้ผลผลิตดี ทุเรียนมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ไม่ฉุนจัด เนื้อนุ่มละเอียด เมล็ดลีบ เนื้อเยอะ รสชาติหอมหวานมันอร่อย

ปัจจุบันมีลูกค้าสั่งจองทุเรียนตั้งแต่ลูกยังเล็กๆ พันธุ์หมอนทองราคาลูกละ 1,000 บาทขึ้นไป ส่วนพันธุ์ก้านยาวลูกละ 5,000 บาท จนถึง 20,000 บาท อย่างไรก็ตามปัจจุบันทุเรียนใน จ.สมุทรสงคราม ยังให้ผลผลิตไม่มาก แต่เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคสูง ปี 2565 สวนของตนมีต้นทุเรียนให้ผลผลิตแล้ว 70 ต้น ประมาณ 400 ลูก เป็นพันธุ์หมอนทอง 300 ลูกเศษ ที่เหลือเป็นพันธุ์ก้านยาว ขณะนี้มีผู้สั่งจองทั้งทางออนไลน์และขาประจำที่มาสั่งจองถึงสวนแล้วประมาณ 50 เปอร์เซนต์ และตนได้ตั้งชื่อทุเรียนของตนว่า “ทุเรียน 3 น้ำ” เนื่องจาก จ.สมุทรสงคราม มีทั้งน้ำจืด น้ำเค็ม และน้ำกร่อย ดินจึงมีคุณสมบัติพิเศษที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ผลไม้ของ จ.สมุทรสงคราม ไม่ว่าจะเป็นลิ้นจี่ ส้มโอ และทุเรียน รสชาติจึงดีกว่าที่อื่นๆ

นายเอกชัย กล่าวว่า อีก 2-3 ปี ทุเรียน 3 น้ำของ จ.สมุทรสงคราม น่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้นเนื่องจากได้มีการจัดตั้งกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียน 3 น้ำขึ้นแล้ว ขณะนี้มีพื้นที่ปลูกประมาณ 200 ไร่ รวมเกือบ 5,000 ต้น โดยจะมีการพัฒนาดูแลเพื่อลดปัญหาทุเรียนสลัดลูกทิ้งเมื่อเกิดพายุฝนและอากาศแปรปรวน เช่น เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา อากาศมีทั้งร้อน ทั้งหนาว และพายุฝนในเดือนเดียวกัน ทำให้ทุเรียนที่ลูกยังอ่อนอยู่ร่วงหล่นเสียหายไปประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ และตนหวังว่าทุเรียน 3 น้ำ จะเป็นผลไม้หลักที่สร้างชื่อเสียง สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ให้กับชาว จ.สมุทรสงคราม เช่นเดียวกับลิ้นจี่ ส้มโอ ต่อไป