เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ที่ร้าน The Rabbit Grove Cafe & Restaurant นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข 4 พร้อมด้วย น.ส.นิภาพรรณ จึงเลิศศิริ ผู้สมัคร ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย หมายเลข 5 ได้เข้าร่วมเสวนาแลกเปลี่ยนและพูดคุยกับกลุ่มผู้รักสัตว์ อาทิ “รัก-รักชนก เจริญมากสุวรรณ” เจ้าของเพจ “Ninja & the Gang” และ “บ๊อบสายแข็ง นายปริญญา พิทักษ์’ เจ้าของเพจ “สายแข็งหมารัก” กลุ่มอาสาช่วยเหลือหมาแมว “ทูน-ไพฑูรย์ มูลแสดง” เจ้าของเพจ “Pettaxi by thoon”

โดยนายสุชัชวีร์ กล่าวนำเสนอแนวทางพัฒนาและนโยบายเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง ว่า การเพิ่มสวนสาธารณะของสัตว์เลี้ยงในกรุงเทพฯให้มีมากขึ้น ซึ่งสวนดังกล่าวต้องมีการแบ่งพื้นที่ของสัตว์เลี้ยงอย่างชัดเจน มีสนามฝึก พร้อมอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อให้สัตว์เลี้ยงได้วิ่งเล่นเต็มที่ มีการใช้เทคโนโลยีในระบบลงทะเบียน และมีเจ้าหน้าที่คัดกรองสัตว์เลี้ยงก่อนเข้าพื้นที่ พร้อมกับดูแลพื้นที่ เพื่อให้เกิดความสะอาด และพื้นที่ดังกล่าวควรจัดให้มีร้านอาหารหรือคาเฟ่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้เลี้ยง นอกจากนี้ยังต้องตั้งศูนย์บริการสาธารณสุขเพื่อสัตว์เลี้ยง ให้มีสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อดูแลรักษาโรคต่างๆ ในราคาที่สมเหตุสมผล มีบริการรับฉีดวัคซีน และทำหมัน มีศูนย์บริการดูแลอาบน้ำ-ตัดขน ขายอุปกรณ์เพื่อสัตว์เลี้ยง มีการให้บริการที่พักให้สัตว์เลี้ยงในวันที่เจ้าของไม่อยู่บ้าน โดยที่พักสัตว์เลี้ยงจำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลสัตว์เลี้ยงตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกับมีบริการรถรับ-ส่งสัตว์เลี้ยง โดยเห็นว่าการให้บริการกับสัตว์เลี้ยงเหล่านี้ ยังเป็นหนทางการเพิ่มการจ้างงานใน กทม. ได้อีกทาง

นายสุชัชวีร์ กล่าวอีกว่า สำหรับแนวทางการเปลี่ยนชีวิตเพื่อน 4 ขา(จร) 3 ข้อ นั้น จำเป็นต้องมีกระบวนการจัดการสัตว์จรในชุมชนแบบเชิงรุก ทั้งเรื่องการบริการฉีดวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า และการทำหมัน อีกทั้งจำเป็นต้องเพิ่มศูนย์พักพิงใน กทม. แบบครบวงจร ตั้งแต่การมีคลินิกรักษาสัตว์ที่ได้มาตรฐาน บริการฉีดวัคซีน และคัดกรองโรค การมีศูนย์ฝึกสัตว์จรขั้นพื้นฐาน หากผ่านเกณฑ์และไม่มีโรค สามารถเปิดโอกาสให้คนที่ต้องการรับเลี้ยงต่อไป ส่วนสัตว์จรที่ได้รับการฝึกแล้ว สามารถส่งไปที่ศูนย์คนชรา (Pet Therapy) และศูนย์คนพิการ (Guide Dog) นอกจากนี้จำเป็นต้องนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อช่วยเหลือคนในชุมชน สำหรับการแจ้งข้อมูลผ่านแอพพลิเคชั่นให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบและช่วยเหลือได้ทันท่วงที ทั้งนี้ การดูแลสัตว์เลี้ยงนั้นก็เหมือนดูแลครอบครัว พวกเขาจึงต้องได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียม สำหรับสัตว์เลี้ยงจรนั้น ตนอยากให้ช่วยกันรณรงค์ เพราะสุนัขแมวหนึ่งตัว มีชีวิตเป็นสิบปี ถ้าเลี้ยงแล้วต้องดูแลให้ดีที่สุด ต้องเตรียมความพร้อมว่าเราจะสามารถรับภาระได้ อย่าทิ้งพวกเขาเลย