อีกไม่นานเกินรอ การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 “ฮานอย 2021” ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม หรือ “ฮานอยเกมส์” ก็จะเปิดฉากชิงชัยกันแล้ว หลังจาก ต้องเลื่อนการแข่งขันเมื่อปีที่ผ่านมา เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ป่วนโลก มาจัดแข่งขันในปีนี้  โดยเตรียมเปิดฉากขึ้นระหว่างวันที่ 12-23 พ.ค.นี้

            ทัพนักกีฬาไทยเข้าร่วมแข่งขัน 871 คน เป็นชาย 483 คน และหญิง 388 คน  มากเป็นอันดับ 2 รองจากเวียดนามที่มีจำนวนสูงสุด 965 คน และจะมี นักกีฬา เจ้าหน้าที่ ทุกชาติ มากกว่า 10,000 คน ร่วมชิงชัย ใน 40 ชนิดกีฬา 526 เหรียญทอง ทั้งที่กรุงฮานอย และสนามในอีก 11 เมือง

            กีฬาซีเกมส์ มหกรรมกีฬาของชาวอาเซียน เป็นเกมแห่งศักดิ์ศรี เพราะกีฬายังสะท้อนถึงความก้าวหน้าในการพัฒนาประเทศ และทุกชาติต้องการประกาศชัยชนะ แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้ เจ้าเหรียญทองหลายสมัย อย่างไทยแลนด์ จะเจองานยากกว่าทุกครั้ง

            ซีเกมส์เที่ยวนี้ “บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท.  ดูเหมือจะอยากบอกแฟนกีฬาชาวไทยว่า “ไม่เอานะ อย่าคิดมาก” ระบุว่า ซีเกมส์ครั้งนี้ เวียดนามได้เปรียบไทยทุกรูปแบบ ทั้งเรื่องการเป็นเจ้าภาพ การใส่กีฬาพื้นบ้านเข้ามา รวมถึงการเพิ่มอีเวนต์กีฬาที่ถนัด ขณะที่กีฬาเวียดนามก็พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับคู่แข่งอื่นของไทย ทั้ง อินโดนีเซีย,มาเลเซีย หรือแม้แต่กัมพูชา เจ้าภาพซีเกมส์ครั้งต่อไปในปี 2023 ฟันธงว่า ทัพไทยมีคู่แข่งที่แข็งแกร่งมากขี้น และคงไม่สามารถเป็นเจ้าเหรียญทองได้

            บอกแบบนี้อาจไม่ถูกใจแฟนกีฬาชาวไทย แต่ “บิ้กก้อง” ก็ย้ำว่า แม้อาจจะไม่ได้เห็นทีมชาติไทยเป็นเจ้าเหรียญทอง แต่ในชนิดกีฬาสากลที่มีบรรจุแข่งขันในโอลิมปิกเกมส์ ไทยยังคงต้องการเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน  ส่วนจำนวนเหรียญทอง   ก็คาดหวังจะทำให้ดีกว่าครั้งก่อน คือมากกว่า 92 เหรียญทอง และหวังลึกๆ ว่าอยากจะโกยให้ถึง 100 เหรียญทอง แม้รู้ว่าจะเป็นงานยากก็ตาม

            ส่วน “บิ๊กต้อม” นายธนา ไชยประสิทธิ์ รองประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ในฐานะหัวหน้าคณะนักกีฬาไทย ก็มั่นใจว่า “เราทำได้” โดยชี้ว่า จากการเตรียมความพร้อมที่ผ่านมา มั่นใจว่าทัพนักกีฬาไทยพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ กับการประกาศศักดาครองเจ้ากีฬาสากล แม้จะเป็นเพียงเวทีระดับภูมิภาคอาเซียน แต่ก็มีศักดิ์ศรี และมีคุณค่า รวมถึงจะเป็นบันไดก้าวแรกไปสู่ระดับที่สูงขึ้น ทั้งในระดับทวีป ระดับโลก และโอลิมปิกเกมส์

            นี่คือเป้าหมาย ในกีฬาซีเกมส์ มหกรรมกีฬาแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หนนี้ของทัพกีฬาไทย ที่ต้องการตอกย้ำเป้าหมาย และเจตนารมณ์เดิมของการก่อตั้งกีฬาซีเกมส์  ที่มุ่งพัฒนาวงการกีฬาอาเซียนสู่ระดับสากล มากกว่าความต้องการครองเจ้าเหรียญทอง โดยไม่คำนึงถึงเรื่องใด ๆ

            แต่หากเราแพ้เขาทั้งเรื่องกีฬาสากล และกีฬาใหม่ หรือ กีฬาพื้นบ้าน ก็สมควรจะยอมรับ และปรับปรุงตัวเอง พร้อมร่วมยินดีไปกับวงการกีฬาอาเซียน เพราะความพ่ายแพ้ ย่อมไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มของการพัฒนา คู่แข่งเก่ง ก็ทำให้เราเก่งขึ้น ขอเพียงอย่าย่ำอยู่กับที่ และคอยหาเหตุผลมาแก้ตัว มากกว่าลงมือทำ… เท่านั้นเอง

                                                            “คม ท่าดี”