เมื่อวันที่ 27 ก.ค. นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะทำงานด้านบริหารจัดการการให้บริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 กรณีวัคซีนโควิดไฟเซอร์ กล่าวถึงการเก็บและขนส่งวัคซีนไฟเซอร์ในประเทศไทย 1.5 ล้านโด๊ส ว่า จากการประชุมเมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา รายงานเรื่องการเก็บวัคซีนที่ทางบริษัทแจ้งมา คือการขนส่งวัคซีนในตู้คอนเทเนอร์มานั้นจะอยู่ในอุณหภูมิ -60 องศาฯ ถึง -90 องศาฯ จะเก็บได้ค่อนข้างนาน เมื่อมาถึงประเทศไทยผ่านการตรวจสอบต่างๆ แล้วจะขนส่งกระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ โดยควบคุมอุณหภูมิที่ -25 ถึง -15 นั้น เก็บได้ 2 สัปดาห์ และเมื่อถึงพื้นที่แล้วสามารถเก็บในตู้เย็นปกติที่ความเย็น 2-8 องศาฯ สามารถเก็บวัคซีนไฟเซอร์ได้ 30 วัน และเมื่อดูดออกมาใส่เข็มฉีดยาแล้วจะเก็บได้ 6 ชั่วโมง ดังนั้นเราจึงไม่ได้มีการปรับเรื่องระบบการทำความเย็นใหม่แต่อย่างใด สามารถใช้ตู้เย็นปกติในการเก็บได้ รวมถึงกรณีวัคซีนไฟเซอร์ที่สั่งซื้ออีก 20 ล้านโด๊ส ก็ใช้ระบบเดียวกัน ไม่ต้องปรับปรุงระบบใหม่ ไม่ต้องกังวลเรื่องคุณภาพของวัคซีน คุณภาพยังคงที่
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีหลายกลุ่มกังวลว่าจะมีการนำวัคซีนไฟเซอร์ไปให้กับกลุ่มวีไอพี แย่งโควตาของคนที่จำเป็นต้องฉีดจริงๆ เช่น บุคลากรการแพทย์ ที่จะใช้เป็นวัคซีนบูสเตอร์โด๊ส นพ.สุระ กล่าวว่า ยืนยันว่าบุคลากรสาธารณสุขด่านหน้าต้องได้รับวัคซีนบูสเตอร์โด๊สแน่นอนทั้งไฟเซอร์ และแอสตราเซเนกา มีการสำรวจตัวเลขกันอยู่ และจะมีการประชุมร่วมกันในวันที่ 29 ก.ค. อีกครั้ง เพื่อกระจายวัคซีน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีบุคลากรที่ฉีดบูสเตอร์โด๊สด้วยวัคซีนแอสตราฯ ไปแล้วจำนวนหนึ่ง ส่วนตัวเลขคนที่ฉีดด้วยแอสตราฯ นั้น อยู่ที่กรมควบคุมโรคเป็นผู้รวบรวม.