เมื่อวันที่ 19 เม.ย. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 6 กล่าวถึงการแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นว่า สำหรับปัญหาเรื่องคอร์รัปชั่นมีมานานแล้ว ถ้าถามว่าตอนตนเป็นผู้ว่าฯ กทม.อยู่มีไหม ตอบว่ามี ยกตัวอย่างกรณีเจ้าหน้าที่เทศกิจขณะนั้นยังไม่มีปัญหาโควิด ก็มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ สูบบุหรี่และทิ้งบุหรี่ลงพื้นที่ เจ้าหน้าที่เทศกิจเห็นจึงดำเนินการเข้าจับกุมทันที เพื่อนำไปส่งโรงพัก แต่นักท่องเที่ยวรายนั้นไม่อยากไปโรงพัก เจ้าหน้าที่เทศกิจจึงบอกว่าเสียค่าปรับ 2,000 บาท นักท่องเที่ยวต่างชาติรายนั้นจึงจ่ายเงินให้ตามจำนวน เมื่อตนรู้ก็ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่เทศกิจที่กระทำการอย่างนั้น มีโทษจำคุกและให้ออกจากราชการ โดยศาลตัดสินจำคุก 3 เดือน ในส่วนของจำนวนคนหมู่มากที่เกี่ยวพันกัน ก็มีทั้งคนดีคนไม่ดี อย่างเจ้าหน้าที่เทศกิจที่เกี่ยวข้องกับแม่ค้า ตนพยายามจัดระเบียบ แบ่งที่ให้ค้าขายก็ยังเกิดปัญหาแบบนี้อีก ตนไม่ยอมเด็ดขาด ผู้อำนวยการเขตต้องรับผิดชอบ

ถ้าเป็นเทศกิจที่อยู่ในสำนักเทศกิจ ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจต้องรับผิดชอบ ถ้าไม่มีหลักฐานเบื้องต้นย้ายก่อน แต่ถ้ามีหลักฐานก็ดำเนินคดีเหมือนกรณีที่ยกตัวอย่างไป ในส่วนของการขออนุญาตต่อเติม สร้างอาคารต่างๆ ถ้าอาคารใหญ่ต้องอนุญาตมาที่สำนักการโยธา ถ้าอาคารย่อยๆเล็กๆต่อเติมเล็กน้อย ขออนุญาตมาที่สำนักงานเขต เมื่อก่อน 6 เดือนขอไปยังไม่ได้เลย แต่ตนได้ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการภายใน 30 วัน ถ้าไม่ได้ตามระยะเวลาต้องมีเหตุผลว่าเพราะอะไร ไม่ใช่ไปดึงไว้

พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวต่ออีกว่า ที่ผ่านมาได้แก้ไขไปเยอะแล้ว แต่ถ้าได้กลับมาใหม่ความเข้มข้นก็ต้องเพิ่มมากขึ้น อย่างน้อยต้องไม่มีปัญหาทุจริต โดยเฉพาะเรื่องปัญหาเงินทอนที่พูดถึงกันเยอะ ต้องไม่มี โดยตนมีแนวทางที่จะต้องเพิ่มความเข้มข้นขึ้นในการแก้ปัญหาการคอร์รัปชั่นนี้ เพราะมันคือการหากินบนความเดือนร้อนของพี่น้องประชาชน ที่ผ่านมาในส่วนของข้าราชการมีหลายคนถูกดำเนินการไปตามขั้นตอนของกระบวนการและตั้งคณะกรรมการฯ จนถึงให้ออกก็มี

“ผมเป็นผู้ว่าฯ 5 ปีกว่า แล้วมาจากการแต่งตั้งไม่ใช่เลือกตั้ง ถ้าผมมีปัญหาเรื่องนี้นะ ผมโดนไปแล้วทั้ง ป.ป.ช. สตง. ต้องโดนแล้ว เขาจับจ้องอยู่ ช่วงที่ผ่านมาก็ดำเนินการได้เยอะแล้ว แต่ถามว่าหมดไหม มันอาจจะมีรอดหูรอดตาไปได้ แต่ถ้าได้กลับมาใหม่ จะพยายามเข้มงวดเอาให้หมดให้ได้” พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวทิ้งท้าย