เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 18 เม.ย. ที่ตลาดสดสี่แยกทศกัณฑ์ ย่านบางแค นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 3 พร้อมด้วย นพ.พัชร อ่องจริต นายแพทย์จากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ลงพื้นที่ชุมชนย่านบางแคเพื่อพบปะประชาชน พร้อมเสนอการติดตั้งกล้องวงจรปิดและเซ็นเซอร์ดูแลผู้ป่วยติดเตียง ให้ความช่วยเหลือโดยทันท่วงที หลังจากนายสกลธีเดินทางพบปะประชาชนที่ตลาดสดสี่แยกทศกัณฐ์เรียบร้อยแล้ว จึงลงพื้นที่ร่วมรับฟังข้อเรียกร้องจากประชาชนที่ชุมชนศิริเกษมร่วมใจ เขตบางแค
นายสกลธี กล่าวว่า ตนยังคงลงพื้นที่ตลาด เพราะเชื่อว่าเป็นจุดที่สามารถพบปะพูดคุยกับประชาชนอย่างใกล้ชิดและรับรู้ปัญหาได้โดยตรง ซึ่งวันนี้ยังได้พบกับนายเริง ผู้สมัคร ส.ก.เขตบางแค โดยบังเอิญ จึงเดินทางพบปะพี่น้องประชาชนร่วมกัน ตนยินดีถ้าหากมีโอกาสได้ทำงานร่วมกันและในความเป็นจริงแล้วก็สามารถทำงานร่วมกับ ส.ก.จากทุกพรรคได้ เพราะตนสมัครในนามอิสระไม่มีสังกัด ดังนั้นจึงไม่มีปัญหา สามารถทำงานร่วมกับทุกคนได้
จากนั้นนายสกลธีพร้อมกับ นพ.พัชร หนึ่งในทีมงานด้านสาธารณสุข ได้ร่วมประชุมกับชาวชุมชนศิริเกษมรวมใจ 50 โดยได้นำเสนอนโยบายด้านสาธารณสุข “นโยบายสมาร์ท คลินิก” นายสกลธีกล่าวว่าหากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ตนจะเพิ่มการดูแลอำนวยความสะดวกให้กับผู้สูงอายุ ผู้พิการและกลุ่มเปราะบาง ให้สามารถเข้าถึงการบริการทางด้านสุขภาพได้อย่างรวดเร็วสะดวก ไม่ต้องใช้เวลามาก โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการตรวจสุขภาพให้กับประชาชน กรณีที่ประชาชนไม่สามารถเดินทางออกนอกบ้านได้ รวมถึงการให้ความรู้กับผู้ดูแลผู้ป่วยติดเตียงหรือผู้ป่วยสูงอายุให้มีความสามารถในการบริหารจัดการดูแลสุขภาพญาติพี่น้องอย่างถูกวิธี
ขณะที่ นพ.พัชร กล่าวว่า ในส่วนของนโยบายด้านสาธารณสุข ตนคิดว่าสามารถทำให้เป็นระบบได้ โดยเฉพาะนโยบายสมาร์ทคลินิก เช่น การดูแลผู้สูงอายุที่อยู่บ้านในระหว่างลูกหลานออกไปทำงาน ตามนโยบายของเราคือให้ลูกหลานลงทะเบียนกับสาธารณสุขชุมชน และใช้เทคโนโลยีเข้าไปติดตามตรวจสอบมอนิเตอร์ เช่น เพิ่มกล้องวงจรปิดหรือติดเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวของผู้ป่วย โดยเจ้าหน้าที่สามารถเปิดกล้องดูที่ศูนย์ ตรวจสอบตามเวลาว่าผู้ป่วยเกิดเหตุหรือมีอาการเจ็บป่วยเร่งด่วนอื่นหรือไม่ หากเกิดอาการเร่งด่วนก็สามารถส่งรถเข้าไปรับหรือดูแลได้ทันท่วงที ทั้งนี้เชื่อว่าหากชุมชนเข้มแข็ง กทม.มีแนวทางการดูแลผู้ป่วยสูงอายุที่ดี ลูกหลานก็มีกำลังใจในการทำงาน ไม่ต้องมีห่วงกังวล ซึ่งในการดำเนินการนี้ ใช้ค่าใช้จ่ายไม่มาก และคิดว่าสามารถทำได้อย่างแน่นอน
