นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า ประชาชนที่ได้เริ่มทยอยเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 16-18 เม.ย.65 หลังจากเดินทางกลับจากภูมิลำเนาและท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์ จึงได้เตรียมพร้อมรองรับการเดินทางกลับของประชาชน เน้นพิเศษเพิ่มความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยขั้นสูงสุด เพื่อลดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน โดยวันนี้ (17 เม.ย.65) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของเทศกาลสงกรานต์จะมีปริมาณจราจรขาเข้ากรุงเทพฯ บนทางหลวงสายหลักและทางหลวงพิเศษ (มอเตอร์เวย์) 10 เส้นทางรวมทั้งสิ้น 599,176 คัน จึงขอให้ประชาชนวางแผนการเดินทาง ติดตามข่าวสาร ตรวจสอบความพร้อมของรถก่อนเดินทาง

ทั้งนี้ การเดินทางระหว่างวันที่ 8-16 เม.ย.65 พบว่ามีจำนวนปริมาณจราจรเข้าและออกกรุงเทพฯ รวมทั้งสิ้น 9,072,506 คัน แบ่งเป็นฝั่งขาเข้า จำนวน 4,386,113 คัน และฝั่งขาออก จำนวน 4,686,393 คัน สำหรับจุดให้บริการของ ทล. ช่วงวันที่ 10-16 เม.ย.65 สะสมรวม 7 วัน มียอดผู้ใช้บริการรวม 75,671 ราย รถบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 1,443 ครั้ง และจุดบริการห้องน้ำ 87,130 ครั้ง และยอดการให้บริการสายด่วนกรมทางหลวง 1586 ยอดสะสมตั้งแต่วันที่ 8-16 เม.ย.65 มียอดรวมการให้บริการ 9,841 ครั้ง

นายสราวุธ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ได้เตรียมพร้อมทั้งด้านบุคคลากรและอุปกรณ์ตลอด 24 ชม. โดยร่วมบูรณาการหลายหน่วยงานจัดการจราจรผ่านโดรน รายงานสดผ่านโมบายแอพพลิเคชั่น Thailand Highway Traffic และเว็บไซต์ http://www.highwaytraffic.go.th และร่วมบูรณาการทำงานกับตำรวจทางหลวง และหน่วยงานในพื้นที่ ศูนย์อำนวยความปลอดภัยทางถนนของจังหวัด ในการลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุทางถนน โดยมีมาตรการดังนี้

1.ด้านการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนตามจุดต่าง ๆ ทั่วประเทศจำนวน 13,117 คน และ เตรียมอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยให้มีความพร้อมในการออกปฏิบัติงาน เมื่อมีอุบัติเหตุหรือมีจราจรติดขัดสะสมบนเส้นทางให้เปิดช่องทาง (เลน) พิเศษ โดยร่วมกับตำรวจทางหลวง/ตำรวจท้องที่ในการบริหารสัญญาณไฟจราจรจำนวน 113 แห่ง 16 สายทาง ปิดจุดทางแยก 80 แห่ง 26 สายทาง ปิดจุดกลับรถ 234 แห่ง 47 สายทาง รวมทั้งบริหารจัดการทางเข้า ออก บริเวณสถานีบริการน้ำมัน จำนวน 24 จังหวัด 69 แห่ง  โดยเปิดเลนพิเศษทางสายหลักจำนวน 5 สายทางหลัก ทล.1 (ถนนพหลโยธิน), ทล.2 (ถนนมิตรภาพ), ทล.204, ทล.32 (ถนนเอเซีย), ทล.348 เพื่อความคล่องตัวในการใช้รถใช้ถนนและช่วยป้องกันอุบัติเหตุบนทางหลวง

นายสราวุธ กล่าวอีกว่า 2.บริหารจัดการโดยนำรถตรวจการณ์ Mobile VMS (MVMS) มาใช้สำหรับบริหารจราจร/อุบัติเหตุและประชาสัมพันธ์ข้อมูลต่างๆ ให้ประชาชนทราบ และ 3.ด้านการบริหารจัดการด้านความสะดวก ตรวจสอบสภาพจราจรผ่านเซ็นเซอร์ตรวจวัดสภาพจราจร (Traffic Sensor) และกล้อง CCTV ที่ติดตั้งบนทางหลวง รวมทั้งใช้โดรนในการบินตรวจสอบสภาพจราจร ให้บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนทางหลวงตลอด 24 ชม. ผ่านทางแอพพลิเคชั่น LINE เพียงสแกน QR code หรือ เพิ่มเพื่อน DOH1586 ให้บริการข้อมูลข่าวสารผ่านสายด่วนกรมทางหลวง 1586 และสายด่วนตำรวจทางหลวง 1193 รวมทั้งสื่อทางช่องทางต่างๆ ของกรมทางหลวง เช่น  Twitter, Facebook กรมทางหลวง และเฟซบุ๊ก “ศูนย์บริหารจัดการจราจรและอุบัติเหตุกรมทางหลวง”  

นายสราวุธ กล่าวด้วยว่า ให้บริการแอพพลิเคชั่นของกรมทางหลวง ซึ่งประชาชนผู้ใช้ทางสามารถเข้าติดตามสภาพการจราจรทั้งมุมสูงและกล้อง CCTV แบบ Real Time ตามสายทางผ่านแอพพลิเคชัน ได้แก่ Thailand Highway Traffic, M Traffic แอพพลิเคชั่นติดตามสภาพจราจรแบบ Real Time ,ท่องทางหลวง (Trips On Thai Highways) สำหรับให้บริการประชาชนผู้ใช้ทางหลวงในการค้นหาจุดที่ตั้ง และรายละเอียดข้อมูลการให้บริการต่าง ๆ ของกรมทางหลวง และ DOH to Travel แอพพลิเคชั่นที่เชื่อมโยงข้อมูลงานทางจากระบบรายงานและติดตามของกรมทางหลวง แนะนำเส้นทางพร้อมคำนวณระยะทาง สามารถตรวจสอบสถานที่สำคัญใกล้เคียงรัศมีไม่เกิน 5 กิโลเมตร พร้อมแจ้งเหตุการณ์ที่พบบนทางหลวง

ให้บริการแนะนำเส้นทางเลือกบนทางหลวงสายหลักและสายรอง ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนวางแผนการเดินทางล่วงหน้าได้เป็นอย่างดี และ จุดให้บริการทั่วไทย 423 แห่ง ให้บริการข้อมูลเส้นทาง แนะนำเส้นทางเลือก บริการน้ำดื่ม รวมทั้ง แอลกอฮอล์เจลล้างมือ หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันและควบคุมเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมทั้งได้จัดเตรียมห้องน้ำสะอาดบริการประชาชน 581 แห่ง (ในพื้นที่หมวดทางหลวงทั่วประเทศ) 

นายสราวุธ กล่าวต่อไปอีกว่า ทั้งนี้เน้นย้ำให้สำนักงานทางหลวงและแขวงทางหลวงในพื้นที่เตรียมพร้อมดูแลด้านความปลอดภัยการเดินทางกลับเข้ากรุงเทพมหานครของประชาชนอย่างเต็มที่ พร้อมขอความร่วมมือผู้ใช้ทางขับขี่ด้วยความระมัดระวังปฏิบัติตามกฎจราจร วางแผนการเดินทางล่วงหน้า เตรียมร่างกายให้พร้อม หากประชาชนต้องการสอบถามข้อมูลการเดินทางเพิ่มเติมหรือแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายระหว่างเดินทางสามารถติดต่อได้ที่สายด่วนกรมทางหลวง 1586 มอเตอร์เวย์ 1586 กด 7 (โทรฯฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง) และตำรวจทางหลวง 1193 หากต้องการขอความช่วยเหลือเมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือรถเสียสามารถสแกน QR CODE และติดตั้งแอพพลิเคชั่น Line @1586 กรมทางหลวงพร้อมให้ความช่วยเหลือ 24 ชม.