เมื่อวันที่ 16 เม.ย. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 8 ลงพื้นที่ตลาดเช้าตลาดใหม่ทุ่งครุตลาดพลาซ่า จากนั้นนำขบวนรถพลังงานไฟฟ้า หรือรถ EV หาเสียงเขตทุ่งครุ ไปตามเส้นทาง ถนนประชาอุทิศ เริ่มต้นซอยประชาอุทิศ 61 ซอยประชาอุทิศ 79 พบปะพี่น้องประชาอุทิศ 79 หมู่บ้านวิเศษสุข ขึ้นขบวนรถหาเสียงต่อในซอยประชาอุทิศ 69 ประชาอุทิศ 75 และซอยประชาอุทิศ 69

นายชัชชาติ กล่าวว่า เขตทุ่งครุถือเป็นจุดอ่อนของเรา จากการสำรวจพบว่า เขตในกลุ่มกรุงธนใต้ อาทิ ทุ่งครุ บางขุนเทียน ภาษีเจริญ กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่คะแนนเราไม่ค่อยดี จึงขอลงรายละเอียดโดยเน้นลงพื้นที่ชุมชนต่างๆ เป็นการปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องตามสถานการณ์ ทั้งพื้นที่ตลาด และชุมชน โดยจะใช้รถ EV ในการหาเสียงร่วมด้วย นอกจากนี้จะมีทีมงานลงพื้นที่แจกใบปลิว เข้าถึงชุมชนให้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่ค่อยเล่นโซเชียล แต่อาจอ่านหนังสือพิมพ์ หรือดูทีวี

อย่างไรก็ตาม จากการประเมินคิดว่ากรุงเทพฯ ฝั่งธน ยังเป็นจุดอ่อนที่ต้องลงรายละเอียดมากขึ้น ขณะที่กรุงเทพฯ เหนือ เรามี น.ส.ปวีณา หงสกุล เข้ามาช่วยทำให้คะแนนเราดีขึ้น ซึ่งก็ปรับกลยุทธ์ตามสถานการณ์ แต่จะทำให้ดีที่สุด ตอนนี้เหลือเวลาอีก 35 วัน จะลุยให้เต็มที่ เราเชื่อว่าเรามาถูกทางแล้ว ทั้งแนวนโยบาย การเดินเน้นนโยบาย และเน้นลงชุมชน

สำหรับพื้นที่เขตทุ่งครุมีปัญหาน้ำท่วม เพราะเป็นต้นเขตของแม่น้ำเจ้าพระยา บางครั้งเกิดน้ำหนุน ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูง ต้องปล่อยน้ำลงคลองทำให้น้ำเอ่อล้น หรือเวลาฝนตกหนักก็ไม่สามารถสูบลงแม่น้ำเจ้าพระยาได้ และจากการลงพื้นที่หลายคนสะท้อนปัญหาเรื่องน้ำท่วมขัง ปัญหายาเสพติด เศรษฐกิจแย่ลง

เมื่อถามว่าจะการลงพื้นที่ประชาชนให้เสียงตอบรับในมุมชื่อชัชชาติ หรือ เรื่องนโยบาย นายชัชชาติ กล่าวว่าทั้ง 2 ด้านเพราะเขาอาจเคยได้ยินชื่อ และชื่อเราก็ออกมานาน หลายคนบอกเลือกตั้งแต่ยังไม่มีเบอร์ ขณะที่หลายคนบอกชอบนโยบายที่มีจำนวนมาก ตอบโจทย์คนหลายกลุ่ม

ส่วนการตั้งเวทีปราศรัย นายชัชชาติกล่าวว่า จะมีการตั้งเป็นเวทีย่อยตามจุดที่เราไปลงพื้นที่หาเสียง โดยจะปรับไปตามสถานการณ์แต่ละสัปดาห์ ช่วงนี้จะลงพื้นที่ชุมชนสลับกับเดินห้าง เนื่องจากช่วงวันหยุดประชาชนส่วนหนึ่งจะไปเดินห้างกัน

นอกจากนี้ นายชัชชาติ ปฏิเสธถึงการมีการประกาศรายชื่อทีมงานที่จะเป็นรองผู้ว่าฯ กทม. โดยระบุว่ากรณีนี้เป็นเฟคนิวส์ และการกระจายต่อเป็นสิ่งที่ไม่น่าทำ ยืนยันว่าเราไม่มีการประกาศเรื่องรองผู้ว่าฯ กทม.ใดๆ ทั้งสิ้น ชื่อที่ประกาศมา มีแค่ น.ส.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ ชื่อเดียวที่อยู่ช่วยในทีม แต่ไม่ได้ระบุว่าจะเป็นรองผู้ว่าฯ กทม. ส่วนอีก 3 คนของพรรคเพื่อไทย ยืนยัน 100% ว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกัน คนที่ปล่อยข่าวออกมาเป็นผู้ที่ไม่หวังดีจริงๆ หากได้รับข้อมูลมา ขอให้อ่านเฉย อย่าไปส่งต่อ เพราะการให้คุณให้โทษผู้สมัครมีความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง

ขณะเดียวกัน นายชัชชาติ ได้ชี้แจงประเด็นเรื่องโควตาการออกประกาศใบอนุญาตการบิน ว่า 15 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจการบินในประเทศไทยเติบโตมาก ช่วงที่ตนทำงานที่กระทรวงคมนาคมปี 54-55 จะเห็นได้ว่าตั้งแต่ปี 51-62 จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจาก 58 ล้านเป็น 120 กว่าล้านคน ถามว่าในการออกประกาศการบินของประเทศไทยมีอยู่ 2 ใบ ใบแรกคือ AOL ที่จะเอาไปขึ้นทะเบียนว่ามีคุณสมบัติตามที่กำหนดหรือไม่ ซึ่งกฎหมายจะกำหนดเลยว่าถ้าบินแบบประจำต้องมีทุนจดทะเบียนเท่าไหร่ มีเส้นทางในประเทศและสายรองอย่างไร คนถือหุ้นเป็นอย่างไร กรรมการพิจารณาประกอบด้วย อธิบดีกรมการบินพลเรือน รองอธิบดีฝ่ายเศรษฐกิจ ผู้อำนวยการสำนักที่เกี่ยวข้อง และคนนอกที่เป็นผู้เชี่ยวชาญอีก 2 คน เมื่อพิจารณาตามกรอบกฎหมายแล้วเสร็จจะนำเสนอให้รัฐมนตรีอนุมัติ ซึ่งเราอนุมัติตามข้อกฎหมาย จึงไม่ใช่วิธีการให้โควตา แต่เป็นการขึ้นทะเบียน และหากมีการทำถูกต้องตามกฎหมายแล้วเราไม่อนุมัติขึ้นทะเบียนถือว่ามีความผิด

ส่วนการตั้งคำถามว่าทำไมช่วงนั้นมีการอนุมัติเยอะ ยืนยันว่า ไม่ได้เยอะ แต่เป็นความต้องการของตลาด จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น สายการบินเพิ่มขึ้น ซึ่งไม่เฉพาะการบินเส้นทางประจำ ยังมีการบินแบบเช่าเหมาลำ การบินเฮลิคอปเตอร์ การต่อใบอนุญาตเดิม ยืนยันว่า ที่อนุมัติขึ้นทะเบียนเป็นไปตามหลักการ มีกฎหมายชัดเจน และมีกรรมการกลั่นกรอง เราไม่ได้คิดเอง ทั้งนี้ เมื่อได้ใบแรก หรือ AOL ไปแล้ว ยังไม่สามารถทำการบินได้ ต้องได้ใบที่ 2 คือ AOC มาตรฐานความปลอดภัยก่อน ซึ่งใบนี้ไม่เกี่ยวข้องกับกระทรวงคมนาคมแล้ว เป็นเรื่องของกรมการบินพลเรือนเป็นผู้พิจารณา

“จะเห็นได้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องทุจริต เป็นเรื่องที่ทำตามระเบียบทุกอย่าง ถ้าเกิดมีทุจริตผมไม่อยู่มาถึงจนถึงวันนี้ ผมคงโดนไปนานแล้ว”

สำหรับนโยบายเกี่ยวกับผู้สูงอายุ นายชัชชาติ กล่าวว่า ต้องมองผู้สูงอายุเป็นสมบัติที่มีค่าของชุมชน อย่าปล่อยให้ผู้สูงอายุติดบ้าน ติดเตียง อันดับแรกคิดว่าจะทำชมรมผู้สูงอายุกระจายทุกชุมชนให้ได้ เพื่อให้ผู้สูงอายุมีกิจกรรมร่วมกัน ระบบสาธารณะสุขต้องครอบคลุม มีการดูแลถึงบ้าน หน่วยสาธารณสุขต้องลงไปถึงชุมชนเพื่อดูแลผู้สูงอายุ พยายามสร้างงานให้ผู้สูงอายุ บางคนมีความสามารถเย็บ ปัก ถักร้อย ทำขนมแต่ไม่สามารถหาตลาดได้ ในส่วนนี้ กทม.สามารถเป็นตัวกลางหาตลาดได้หรือไม่ ทำให้ผู้สูงอายุมีรายได้ ไม่ต้องเงินช่วยเหลืออย่างเดียว เชื่อว่าจะทำให้ผู้สูงอายุมีความสุขและสนุกกับการอยู่ร่วมกันมากขึ้น เราไม่ได้มองการแก้ปัญหาผู้สูงอายุด้วยการให้เบี้ยคนชราอย่างเดียวเพราะคือการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เรามองถึงคุณค่าของผู้อายุเป็นสมบัติของชุมชนอย่างที่ประเทศไต้หวัน เอาผู้สูงอายุมาช่วยในเรื่องการคัดแยกขยะ ซึ่งทำได้ดีมากทุกคนมีความภูมิใจ มีการจัดตั้งเป็นมูลนิธิ หากิจกรรมที่ช่วยดูแลผู้สูงอายุให้มีกิจกรรมมากขึ้น

ส่วนเรื่องเบี้ยผู้สูงอายุ เป็นเรื่องที่รัฐบาลกลางเป็นผู้พิจารณา ในส่วนของ กทม.เราก็อยากให้ แต่ต้องดูความเป็นไปได้ของการใช้งบประมาณในภาพรวม กทม.ก่อน

นอกจากนี้ นายชัชชาติ ได้แสดงความเห็นประเด็นนักการเมืองคุกคามทางเพศว่า เรื่องคุกคามทางเพศเป็นเรื่องสำคัญและต้องเอาจริง บางทีคิดว่าเป็นเรื่องที่ซุกอยู่ใต้พรมมานาน ถึงเวลาที่ต้องเอาจริง และเป็นกำลังใจให้ผู้เสียหายทุกท่าน ตอนนี้เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายแล้ว ขอให้ข้อเท็จจริงปรากฏอย่างรวดเร็ว สร้างความมั่นใจกลับคืนมาให้กับนักการเมืองและพรรคการเมืองด้วย เพื่อให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย