เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แฟนกีฬาชาวไทยได้ชมได้เชียร์กีฬากันสนุกเร้าใจ โดยเฉพาะ การคว้าแชมป์ เอเอฟเอฟ ฟุตซอล แชมเปี้ยนชิพ 2022 สมัยที่ 16 ของทีมชาติไทย หลังดวลจุดโทษชนะ อินโดนีเซีย 7-5  ทั้งที่ในเวลาโดนยิงนำก่อน 2-0 แต่ฮึดยิงตีเสมอได้ในช่วงท้าย นาทีสุดท้ายของครึ่งหลัง แบบโกงตาย 2-2 ต่อเวลาแล้วทำอะไรกันไม่ได้ ก่อนไปชนะในการดวลจุดโทษ เร้าใจ ซึ่งต้องชื่นชมจิตนักสู้ของทีมชาติไทยทุกคน

หลังเกม “บิ๊กป๋อม” อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ อุปนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานพัฒนาฟุตซอลและฟุตบอลชายหาดทีมชาติไทย เปิดเผยว่า  “เกมนี้ถือเป็นสุดยอดแมตซ์ตลอดกาลในการชิงแชมป์อาเซียน ไม่เพียงเฉพาะว่าเรากลับมาได้ เราเล่นอยู่ในเกมที่ค่อนข้างมาตรฐานดี กับทีมอินโดนีเซียที่เขามีเกมรับที่แข็งแกร่งมาก แต่ว่าด้วยความผิดพลาด อาจจะมีประสบการณ์น้อย ก็ทำให้เกมดูอึดอัดไปบ้าง แต่สิ่งที่ผมประทับใจมากที่สุดอันนึง แล้วก็ดีใจมาก ทีมชุดนี้โชว์ถึงคาแรคเตอร์ที่ต้องการเป็นผู้ชนะ หรือกลับมาสู้อยู่ตลอดเวลา อันนี้มีคุณค่ามากกับทีมชุดนี้ อยากจะพูดว่าภาคภูมิใจและดีใจเป็นอย่างมาก ที่น้อง ๆ ผ่านจุดที่ดี และรักษาแชมป์ได้ และก็ได้ไปเอเชียนคัพตามเป้าหมาย”

ด้าน คาร์ลอส เซซาร์ เฮดโค้ชฟุตซอลทีมชาติไทย จากสเปน  กล่าวว่า “มันเป็นเกมที่สำคัญมาก ๆ สำหรับผู้เล่นสายเลือดใหม่ของเราที่ได้เรียนรู้หลาย ๆ อย่างมาก ๆ สำหรับเกมนี้ เราคือผู้ชนะและต้องบอกว่าอินโดนีเซียเป็นคู่ต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ ในปีนี้ นี่คือฟุตซอลสมัยใหม่ แม้แต่ในระดับโลกแต่ละทีมมันก็ไม่ได้ห่างกันมากแล้ว อยากให้แฟน ๆ ชาวไทยเข้าใจและสนับสนุนนักเตะต่อไป”

            อย่างไรก็ตาม กูรู และแฟนกีฬา ต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันมาก ถึงการตัดสินใจเรียกตัวนักเตะชุดนี้ของ คาร์ลอส เซซาร์ แม้มีจุดดีที่ได้นักเตะเลือดใหม่เข้ามา แต่ว่า เรียกนักเตะที่ดีที่สุดของประเทศไทยทั้งหมดมารึยัง เกมรับดูเป็นปัญหา และเป็นจุดอ่อนมาก เมื่อโดนกดดัน เพราะเรายังมี 2 ศึกใหญ่รออยู่ทั้งซีเกมส์ และศึกชิงแชมป์เอเชีย

            อยากให้มีส่วนผสมที่กลมกล่อม ลงตัวยิ่งขึ้น ทุกคนยอมรับว่า ฟุตซอล หรือฟุตบอลสมัยใหม่ยุคนี้ แต่ละทีมไม่ห่างกันมาก แต่ทุกคนก็ย่อมอยากได้นักเตะที่ดี่ที่สุดได้มีโอกาสลงรับใช้ทีมชาติไทย หากเน้นการสร้างเลือดใหม่เพียงด้านเดียว มันจะคุ้มค่ากับคำว่า “เสียใจ-เสียดาย” หรือไม่

                                                “คม ท่าดี”