สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงอิสลามาบัด ประเทศปากีสถาน เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ว่า สภาผู้แทนราษฎรของปากีสถานมีมติในการประชุมวาระพิเศษ เมื่อวันเสาร์ ด้วยเสียงข้างมาก 174 เสียง จากทั้งหมด 342 เสียง สนับสนุนญัตติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีอิมราน ข่าน เนื่องจากไม่สามารถบริหารนโยบายเศรษฐกิจ และรักษาเสถียรภาพด้านความมั่นคงภายใน ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกต่อไป


หลังจากนี้ สภาผู้แทนราษฎรจะทำหน้าที่เฟ้นหาผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ซึ่งผูัดำรงตำแหน่งคนใหม่จะอยู่ในวาระที่เหลือของข่าน คือจนถึงเดือน ต.ค. 2565 หลังจากนั้นจะมีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ โดยตัวเก็งที่จะได้รับการเสนอชื่อและรับรองให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป คือ นายเชห์บาซ ชารีฟ วัย 70 ปี ผู้นำฝ่ายค้าน และเป็นน้องชายของอดีตนายกรัฐมนตรีนาวาซ ชารีฟ

แม้นับตั้งแต่ได้รับเอกราชจากสหราชอาณาจักร เมื่อปี 2490 ปากีสถานไม่เคยมีนายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งได้ครบวาระ คือ 5 ปี อย่างไรก็ตาม ข่าน วัย 69 ปี ถือเป็นผู้นำรัฐบาลคนแรกในประวัติศาสตร์ของปากีสถาน ซึ่งต้องพ้นจากตำแหน่ง จากการลงมติไม่ไว้วางใจของสภาผู้แทนราษฎร


ทั้งนี้ มีสมาชิกพรรคเตห์รีค-อี-อินซาฟ ( พีทีไอ ) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลชุดปัจจุบันของปากีสถานเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่เข้าร่วมการลงมติ และออกเสียงคัดค้านญัตติ ขณะที่สื่อท้องถิ่นหลายแห่งรายงานว่า การลงมติเกิดขึ้นภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง หลัง พล.อ.กามาร์ จาเว็ด บัจวา ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของปากีสถาน พบหารือกับข่าน ซึ่งเดินทางออกจากทำเนียบนายกรัฐมนตรีแต่โดยดี แม้ก่อนหน้านั้นกล่าวว่า เขาจะไม่มีทางยอมรับรัฐบาลชุดใหม่ที่มาจากฝ่ายค้าน “ซึ่งมีสหรัฐเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหลัง” เพื่อขับไล่เขา


อย่างไรก็ตาม อย่างน้อยที่สุดการพ้นจากตำแหน่งของข่าน ช่วยลดอุณหภูมิการเมืองปากีสถาน ซึ่งร้อนระอุตลอดสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อสภาในเวลานั้นสกัดการลงมติไม่ไว้วางใจ และข่านขอให้มีการยุบสภา ทว่าต่อมา ศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาว่า “ขัดต่อรัฐธรรมนูญ”.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES