ช่วงนี้ “สภา” ยังปิดอยู่ ถ้าไม่มีเรื่องหวยแพงมาจุกจิกกวนใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม น่าจะหายใจหายคอโล่งปอดไปจนถึงวันที่ 22 พ.ค.นี้ ซึ่งจะเปิดสภา

แต่การเมืองภายใต้รัฐธรรมนูญปี 60 ฉบับถอยหลังเข้าคลอง เพื่อสืบทอดอำนาจของกลุ่มนายพลที่ทำรัฐประหารเมื่อปี 57 เป็นรัฐบาลผสมเกือบ 20 พรรคการเมือง จึงไม่มีความมั่นคง ตราบใดที่ไม่มี “กล้วย” มาคอยป้อนกันอย่างสม่ำเสมอ

โดยเฉพาะพรรคเล็กเวลานี้ ใครลากไปไหนก็ไป งานฉลองวันเกิดครบ 50 ปี ของนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่บ้านพักย่านซอยสามัคคี จ.นนทบุรี ก็ไปร่วมงานกันคึกคักทั้งหัวหน้าพรรคใหญ่-พรรคเล็กของฝ่ายรัฐบาล

ขณะเดียวกันก็มี ส.ส.บางพรรคเล็ก ๆ ยังหลงมัวเมาอยู่กับ “หัวโขน” จากการได้เป็น ส.ส.ปัดเศษ! ด้วยคะแนนเลือกตั้งที่ไม่ตกน้ำแค่ 3-4 หมื่นคะแนน เพราะอานิสงส์ของรัฐธรรมนูญปี 60 จึงเกาะแข้งเกาะขาอยู่กับรัฐบาลและสภาปรสิต ชนิดที่เรียกว่าไม่ยอมไปไหน

สภาพการเมืองที่การประชุมสภาล่มซ้ำซาก! รัฐมนตรีลาประชุมกันยกพรรค ต้องนัดกินข้าวกับพรรคใหญ่ พรรคเล็กเพื่อเคลียร์ใจกัน 2-3 รอบ สภาพแบบนี้แหละที่เรียกว่ารัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ แต่อยู่มาได้ถึงป่านนี้น่าเพราะ “กล้วย” อย่างที่โดนค่อนแคะกัน?

วันก่อนศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุข้อมูลเงินให้กู้ยืมภาคครัวเรือนที่แบงก์ชาติรายงานล่าสุด ยอดคงค้างหนี้ครัวเรือนไทยปี 64 ขยับขึ้นมาอยู่ 14.58 ล้านล้านบาท เติบโตขึ้น 3.9% ใกล้เคียงกับการเติบโตของยอดคงค้างหนี้ปี 63 ที่ 4.0%

ส่วนกระทรวงการคลังรายงานสถานะหนี้สาธารณะของไทย ณ เดือน ก.พ. 65 มีหนี้ 9,828,268 ล้านบาท คิดเป็น 60.17% ของจีดีพี สอดรับกับนายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ อดีตผู้ว่าการแบงก์ชาติ กล่าวในงานสัมมนา “เหลียวหลัง แลหน้า กับผู้ว่าการ ธปท.” ว่ามีความเป็นห่วงอย่างมากเรื่องนโยบายการคลัง หากมองอย่างเป็นกลาง ภาครัฐอยู่ในฐานะที่น่าเป็นห่วง เพราะทำงบประมาณแบบขาดดุลติดต่อกันมานานเหลือเกิน ขณะเดียวกันหนี้สาธารณะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ

เนื่องจากรัฐบาลทำนโยบายต่าง ๆ ต่อเนื่องมาจนทำให้ประชาชนรู้สึกว่านโยบายประชานิยมเป็นเรื่องธรรมดา มีอะไรก็ใช้จ่ายไป ส่งผลให้ฐานะการคลังซ่อนสิ่งที่เป็นปัญหาในระยะยาวไว้เยอะมาก จึงเห็นว่าแบงก์ชาติจำเป็นต้องทำนโยบายเข้มงวดที่คนอื่นไม่ชอบ ก็ต้องใจแข็งที่จะทำ เพราะถ้าไม่มีเราเป็นด่านสุดท้ายเศรษฐกิจก็ไม่รู้จะตกเหวไปอยู่ที่ไหน

ทางด้าน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตผู้ว่าการแบงก์ชาติ บอกด้วยว่าการทำนโยบายการคลังขณะนี้เหมือนไม่มีนโยบาย เป็นการใช้เงินไปเรื่อย ๆ ไม่เคยคิดว่าจะขาดดุลเท่าไร และขาดดุลงบประมาณควรมีน้ำหนักแค่ไหนถึงจะเพียงพอ ฉะนั้นประเทศชาติตอนนี้ ต้องเน้นเรื่องการมีนโยบายการคลังที่จริงจัง

ใครเห็นข้อมูลฐานะการคลังประเทศแบบนี้ จึงนึกถึงสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์เพิ่งพูดเมื่อไม่กี่วันว่าขอเวลา 5 ปี มั่นใจหลายอย่างดีขึ้น เนื่องจากทำงานเต็มที่เพื่อร่วมกันพลิกโฉมประเทศไม่ให้กลับไปจุดเดิม น่าจะเป็นเรื่องละเมอเพ้อฝันลม ๆ แล้ง ๆ

เหมือนกับการให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ไปขับเคลื่อนศูนย์อำนวยการขจัดความยากจน และพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตามเป้าหมายที่จะ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ให้แล้วเสร็จภายใน 30 ก.ย. 65 นี่ก็เป็นเรื่องละเมอเพ้อฝัน!

บริหารประเทศมาเกือบ 8 ปี หนี้สาธารณะใกล้แตะ 10 ล้านล้านบาท หนี้ครัวเรือนอีก 14.5 ล้านล้านบาท แต่จะขอเวลาอีก 5 ปีพลิกโฉมประเทศ…ฝันไปหรือเปล่า?.