สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา เมื่อวันที่ 6 เม.ย. ว่าประธานาธิบดีโกตาพญา ราชปักษา แถลงเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ยุติการใช้คำสั่งสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งมีผลครอบคลุมทั่วประเทศ ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา หลังเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนักจากหลายฝ่าย


ปัจจุบัน ศรีลังกากำลังเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจ ครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษ จนต้องมีการตัดไฟนานถึงวันละ 13 ชั่วโมง และรัฐบาลวิ่งวุ่นเร่งหาทุนสำรองระหว่างประเทศ เพื่อใช้ชำระค่าพลังงานที่ต้องนำเข้า ในขณะที่เงินคงคลังร่อยหรอลงทุกขณะ ซึ่งมีการวิเคราะห์ว่า เป็นผลจากนโยบายลดภาษี จนถึงขั้นให้รัฐบาล “ถังแตกในที่สุด”

ชาวศรีลังการวมตัวประท้วงขับไล่รัฐบาล ที่จัตุรัสเอกราช ในกรุงโคลัมโบ


ขณะเดียวกัน วิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้น ยังส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงเป็นเงาตามตัว โดยอัตราเงินเฟ้อประจำเดือน มี.ค.ที่เพิ่งผ่านพ้นไปนั้น สูงแตะระดับ 18.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และภาวะราคาอาหารเฟ้อ ซึ่งหมายถึงภาวะราคาอาหารที่แพงสูงขึ้น สูงแตะระดับ 30.2%


แม้ราชปักษาพยายามแสดงท่าทีประนีประนอม ด้วยการเชิญชวนฝ่ายค้านเข้าร่วม “รัฐบาลแห่งชาติ” แต่ไม่ได้รับการตอบสนองจากพรรคการเมืองใด

ด้านสื่อท้องถิ่นหลายแห่งรายงานไปในทางเดียวกันโดยอ้างแหล่งข่าว ว่าก้าวต่อไปของผู้นำศรีลังกา เพื่อบรรเทาความไม่พอใจของประชาชนที่ยังคงอยู่ในระดับสูง น่าจะเป็นการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แทนคนปัจจุบัน คือนายมหินทา ราชปักษา ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ชาย เพื่อประวิงเวลาให้รัฐบาลอยู่ในวาระ จนถึงการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ ในปี 2568


อย่างไรก็ตาม เสถียรภาพของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เผชิญกับแรงสั่นคลอนอย่างหนัก หลังรับตำแหน่งได้เพียงวันเดียว เมื่อนายอาลี ซาบรี ขอลาออกจากตำแหน่ง รมว.การคลัง ทั้งที่ภายในอีกไม่นานนี้ ศรีลังกาต้องเจรจารอบใหม่กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เกี่ยวกับการพิจารณาสินเชื่อก้อนใหม่.

เครดิตภาพ : REUTERS