เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 4 เม.ย. ที่กระทรวงคมนาคม นายวิทยา เปรมจิตร์ รักษาการนายกสมาคมพัฒนารถร่วมเอกชน พร้อมสมาชิก 60-70 คน เข้ายื่นหนังสือถึงนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เรื่องขอให้ทบทวนมติคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางครั้งที่ 2/2565 ลงวันที่ 18 ก.พ.65 โดยมีนายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นผู้รับหนังสือ
นายวิทยา เปิดเผยว่า ตามที่กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้ออกประกาศให้ผู้ประสงค์จะประกอบการเดินรถโดยสารประจำทางในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ให้ยื่นรับคำขอใบอนุญาตเดินรถ ประจำทางในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 77 เส้นทาง ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.-3 ธ.ค.64 แล้วนั้น ผู้ประกอบการที่เคยเดินรถร่วมกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) มาเป็นระยะเวลาช้านาน ที่พลาดโอกาสที่ ขบ. เปิดให้ผู้รับใบอนุญาตครั้งแรก สิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 ต.ค.61 เนื่องจากมีผู้ประกอบการหลายรายเดินรถอยู่ในเส้นทางเดียวกัน จึงถูกตัดสิทธิในครั้งนั้น แต่ก็ยังให้ผู้ประกอบการที่มีรถวิ่งนับพันคันเดินรถร่วมกับ ขสมก. ต่อไปก่อน
ต่อมา ขบ. ออกประกาศให้ยื่นรับคำขอใบอนุญาตประกอบการเดินรถ โดยกำหนดให้ยื่น ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.-3 ธ.ค.64 ผู้ประกอบการได้ยื่นตามเงื่อนไข และระเบียบของ ขบ. ทุกประการ โดยเมื่อวันที่ 25 มี.ค.65 ขบ. มีหนังสือแจ้งถึงผลการพิจารณามติคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางถึงผู้ประกอบการเป็นจำนวนมาก ไม่ได้รับการพิจารณาให้เป็นผู้รับใบอนุญาตโดยไม่มีรายละเอียดผลแห่งการพิจารณา
นายวิทยา กล่าวต่อว่า ผู้ประกอบการสงสัยในการพิจารณาครั้งนี้ว่า จะไม่โปร่งใสและไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้มีหนังสือร้องเรียนมายังสมาคม ให้ร้องเรียนมายัง รมว.คมนาคม ขอให้ตรวจสอบความไม่โปร่งใส ขอความเป็นธรรมและขอให้ทบทวนมติ คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางครั้งที่ 2/2565 เมื่อวันที่ 18 ก.พ.65 เสียใหม่ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการรายเดิม ซึ่งเดินรถมาอย่างยาวนาน
และต่อมาทราบว่ากลุ่มทุนเพียงกลุ่มเดียวที่ได้รับใบอนุญาตไปถึง 75 เส้นทาง สมาคมเกรงว่าจะผูกขาดกิจการสาธารณะจะไม่เป็นผลดีกับประชาชนในอนาคต ดังนั้นขอให้ทบทวนหรือระงับมติคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางครั้งที่ 2/2565 เมื่อวันที่ 18 ก.พ.65 ออกไปก่อน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการรายเดิม
นายวิทยา กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม หลังจากยื่นหนังสือแล้ว ทางสมาคมให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาเรื่องดังกล่าว 15 วัน หากไม่มีความคืบหน้าจะมีการเคลื่อนไหวต่อไป โดยรถเมล์ที่ให้บริการกว่าพันคัน อาจจะต้องหยุดวิ่งและนำไปจอดในพื้นที่สาธารณะ เนื่องจากไม่มีรายได้และไม่มีค่าเช่าพื้นที่อู่ที่นำรถไปจอดอีกต่อไป