นายสัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยว่า ได้จัดทำแผนจัดหารถโดยสารพลังงานทางเลือก ขนาดเล็ก และ ขนาดใหญ่ รวมทั้งหมด 368 คัน สัญญาเช่า 7 ปี แบ่งเป็น รถโดยสารขนาดใหญ่ 296 คัน อยู่ระหว่างจัดทำเอกสารประกวดราคา (ทีโออาร์) รวมทั้งกำหนดราคากลาง คาดว่าอีก 2 เดือนทีโออาร์แล้วเสร็จจากนั้นเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บขส. ให้พิจารณา ก่อนจะเปิดประมูลช่วงกลางปีต่อไป เมื่อได้ตัวผู้ประกอบการแล้วจะต้องส่งมอบรถเป็นลอตๆ ให้ครบตามกำหนดสัญญา โดยตั้งเป้าว่ากลางปี 66 จะเห็นรถโดยสารใหม่ทยอยนำเข้ามาให้บริการ
สำหรับรถโดยสารขนาดใหญ่ 296 คัน จะเป็นรถโดยสารไฟฟ้า (อีวี) ปรับอากาศชั้นเดียวตามมาตรฐานที่ บขส.ให้บริการ ซึ่งจะนำมาทดแทนรถโดยสารที่ให้บริการในปัจจุบันที่มีจำนวน 200 กว่าคัน แบ่งเป็นรถโดยสาร บขส. 151 คัน ที่เหลือเป็นรถเช่าทั้งหมด ขณะนี้รถโดยสารของ บขส. มีอายุการใช้งานนานเกือบ 20 ปี รถเริ่มหมดสภาพในการให้บริการ เบื้องต้นได้ทำแผนจะนำมาวิ่งใน 52 เส้นทาง ได้แก่ ภาคเหนือ 90 คัน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก 121 คัน และ ภาคใต้ 85 คัน ซึ่งเป็นพิจารณาเส้นทางที่ผู้โดยสารเดินทางหนาแน่น หรือได้รับความนิยมก่อน เช่น เส้นทางกรุงเทพฯ-ภาคอีสาน และ กรุงเทพฯ-แม่สอด เพราะถ้ามีการเดินรถจำนวนมากทำให้ต้นทุนการเดินรถถูกลง
นายสัญลักข์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ผู้ประกอบการที่ให้เช่ารถจะต้องมีการบำรุงรักษารถ แบตเตอรี่ และเตรียมสถานีชาร์จประจุไฟฟ้าตามแนวเส้นทางให้เรียบร้อย หากวิ่งระยะทางเกิน 400 กม. รถจะต้องชาร์จแบตฯ ซึ่งสถานีชาร์จอาจจะอยู่ในสถานีขนส่งผู้โดยสารในพื้นที่ต่างจังหวัด เพื่อจอดชาร์จไม่เกิน 30 นาทีแล้วเสร็จ ขณะเดียวกันจะเป็นการพักรถ พนักงานขับรถ และให้ผู้โดยสารลงไปรับประทานอาหารหรือผ่อนคลายอิริยาบถจากการเดินทางด้วย ซึ่งจะไม่ได้เป็นการเสียเวลาในการเดินทางแต่อย่างใด เนื่องจากปัจจุบันรถโดยสารที่ให้บริการในเส้นทางไกลจะมีการจอดพักรถตามเงื่อนไขการเดินรถที่กำหนดไว้อยู่แล้ว เพื่อความปลอดภัย
นอกจากนี้จะจัดหารถโดยสารขนาดเล็ก (มินิบัส) ขนาด 21 ที่นั่ง จำนวน 72 คัน จะนำมาวิ่งให้บริการระยะทางไม่เกิน 300 กม. จำนวน 8 เส้นทาง ได้แก่ สายที่ 793 รังสิต-นครปฐม 4 คัน, สาย 904 หมอชิต-สระบุรี 8 คัน, สาย 313 รังสิต-มหาวิทยาลัยบูรพา 8 คัน, สาย 319 รังสิต-แหลมฉบัง 10 คัน, สาย 316 รังสิต-นิคมฯ บ่อวิน 10 คัน, สาย 792 รังสิต-ลาดหญ้า 10 คัน, สาย 305 รังสิต-มาบตาพุด-ระยอง 10 คัน และ สาย 794 รังสิต-ปราณบุรี 12 คัน อยู่ระหว่างจัดทำทีโออาร์ และกำหนดราคากลาง คาดว่าทีโออาร์แล้วเสร็จและเริ่มประมูลปลายปี 65 ตั้งเป้าว่าจะรับรถและนำมาวิ่งให้บริการต้นปี 66
นายสัญลักข์ กล่าวอีกว่า การจัดหารถโดยสารไฟฟ้าครั้งนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี หลังจากที่รัฐบาลส่งเสริมเรื่องพลังงานไฟฟ้า เพราะนอกจากจะเป็นพลังงานสะอาด ลดมลภาวะทางอากาศ แล้วจะช่วยให้ บขส. ประหยัดค่าใช้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงได้ หากเทียบกับราคาน้ำมันดีเซลในปัจจุบันอยู่ที่ราคา 29 บาทต่อลิตร ขณะที่ต้นทุนเชื้อเพลิงไฟฟ้าจะอยู่ที่ประมาณ 6 บาท ซึ่งถือว่าการเปลี่ยนเชื้อเพลิงรถโดยสารจะสามารถประหยัดต้นทุนของ บขส.ไปได้ประมาณ 60% จากค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงในปี 64 อยู่ที่ 295.539 ล้านบาท ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ สะดวก และปลอดภัย