สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวิลนีอุส ประเทศลิทัวเนีย เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ว่า กระทรวงพลังงานของลิทัวเนียออกแถลงการณ์ว่า นับตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป ลิทัวเนียจะ “ยุติความสัมพันธ์ด้านพลังงาน” ด้วยการไม่ใช้ก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียอีก โดยจะเปลี่ยนไปใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว ( แอลเอ็นจี ) ซึ่งนำเข้าจากประเทศอื่นแทน แต่ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจน ว่าคือประเทศใด


แม้ลิทัวเนียจะยังคงนำเข้าก๊าซผ่านท่อที่มาจากแคว้นคาลินินกราด ซึ่งเป็นดินแดนแยกของรัสเซีย ที่อยู่ระหว่างโปแลนด์กับลิทัวเนีย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลวิลนีอุสยืนยันว่า ลิทัวเนียเป็นประเทศแรกในทวีปยุโรป ที่ตัดขาดจากการใช้ก๊าซธรรมชาติของรัสเซีย


ขณะที่ กระทรวงพลังงานของรัสเซีย และบริษัทก๊าซพรอม ผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจของรัฐบาลมอสโก ยังไม่มีความเห็นอย่างเป็นทางการ


ย้อนกลับไปเมื่อปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ทำเนียบขาว และคณะกรรมาธิการยุโรป ( อีซี ) ซึ่งเป็นองค์กรฝ่ายบริหารของสหภาพยุโรป (อียู) เผยแพร่แถลงการณ์ร่วมกัน เกี่ยวกับการที่สหรัฐจะทำหน้าที่เป็นผู้จัดหาแอลเอ็นจี และเป็นผู้จำหน่ายให้แก่ยุโรป ด้วยเงื่อนไขที่สหรัฐส่งแอลเอ็นจีเพิ่มเติมอย่างน้อย 15,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ภายในสิ้นปีนี้ โดยมีเป้าหมายระยะยาวของข้อตกลงจนถึงปี 2573 คือการที่สหรัฐต้อส่งแอลเอ็นจีให้แก่ยุโรป ในปริมาณปีละประมาณ 50,000 ล้านลูกบาศก์เมตร.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES