สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 1 เม.ย. ว่าจากกรณีรัฐบาลของหมู่เกาะโซโลมอนยืนยันกระแสข่าวที่มีออกมาก่อนหน้านี้ว่า กำลังสถาปนาการเป็นหุ้นส่วนด้านความมั่นคงกับจีน เพื่อสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมด้านการลงทุนที่ปลอดภัย สำหรับภาคธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ถือเป็นการยกระดับความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศ นอกเหนือจากประเด็นทางการเมืองนั้น


นายกรัฐมนตรีมานัสเซห์ โซกาวาเร ผู้นำหมู่เกาะโซโลมอน แถลงเมื่อวันศุกร์ ว่าจีนและหมู่เกาะโซโลมอนร่วมกันจัดทำร่างฉบับสุดท้ายของข้อตกลงเสร็จสิ้นแล้ว เหลือเพียงการลงนามอย่างเป็นทางการ โดยรัฐมนตรีต่างประเทศของทั้งสองประเทศ


สำหรับเนื้อหาสำคัญของข้อตกลง รวมถึงการที่รัฐบาลปักกิ่งอาจมีการนำเรือมาจอดเทียบท่า เพื่อเติมเสบียง หรือเดินทางผ่านหมู่เกาะโซโลมอน โดยต้องได้รับความเห็นชอบ จากรัฐบาลในกรุงโฮนีอารา ขณะเดียวกัน รัฐบาลหมู่เกาะโซโลมอนอาจอนุญาตให้ตำรวจของจีนเข้ามาปฏิบัติการในประเทศ “เพื่อรักษาความสงบในสังคม”


แม้ผู้นำหมู่เกาะโซโลมอนยืนยันว่า ความร่วมมือดังกล่าวไม่ครอบคลุม และไม่อนุญาตให้จีนเข้ามาตั้งฐานทัพ อย่างไรก็ตาม เนื้อหาบางส่วนของร่างข้อตกลงที่หลุดรอดออกมาก่อนหน้านี้ สร้างความวิตกกังวลอย่างหนัก ให้กับนานาประเทศร่วมภูมิภาคแปซิฟิกตอนใต้ โดยรัฐบาลสหพันธรัฐไมโครนีเชีย เป็นประเทศล่าสุดที่ออกมาเรียกร้อง ว่าหมู่เกาะโซโลมอนไม่ควรลงนามในข้อตกลงนี้กับจีน


ส่วนออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ซึ่งเป็นสองประเทศใหญ่ในแถบนี้ กล่าวว่า อาจมีผลกระทบต่อสถาบันและความร่วมมือ ซึ่งเป็นรากฐานความมั่นคงในภูมิภาคแปซิฟิกมายาวนาน และการที่ประเทศซึ่งอยู่นอกภูมิภาคพยายามเข้ามาแสดงอิทธิพลในบริเวณนี้ “เป็นเรื่องที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด”


ทั้งนี้ ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์มีข้อตกลงด้านความมั่นคงกับหมู่เกาะโซโลมอน และร่วมประจำการเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงที่กรุงโฮนีอารา เมืองหลวงของหมู่เกาะโซโลมอน นับตั้งแต่เกิดการจลาจล เมื่อเดือน พ.ย. 2564 หรือ 2 ปี หลังนายกรัฐมนตรีมานัสเซห์ โซกาวาเร ผู้นำหมู่เกาะโซโลมอน ประกาศยุติความสัมพันธ์กับไต้หวัน เพื่อไปสถาปนาความร่วมมืออย่างเป็นทางการ กับรัฐบาลปักกิ่ง.

เครดิตภาพ : REUTERS