เมื่อวันที่ 25 ก.ค. เวลา 13.00 น. พรรคก้าวไกลแถลงข่าวประจำสัปดาห์ ประเด็น” สรุปปัญหาและความไม่ชอบมาพากลในการพิจารณางบประมาณ 65″ โดยนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ภาพรวมการทำงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 เราพบว่าการจัดสรรงบประมาณของรัฐบาลให้หน่วยงานต่างๆมีความล้มเหลว ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันโดยสิ้นเชิง มีการของบประมาณใช้ในสิ่งที่ฟุ่มเฟือยและไม่จำเป็น อาทิ กระทรวงต่างประเทศของบซื้อรถให้ทูต ซื้อเครื่องอุ่นจาน ปรับปรุงสนามเทนนิส กระทรวงวัฒนธรรมขอจัดงานแฟชั่นวีค เป็นต้น และยังพบปัญหาว่ามีความเป็นไปได้ที่มีการใช้อำนาจทางการเมืองแทรกแซงข้าราชการหน่วยงานต่างๆเพื่อเอื้อประโยชน์ฐานเสียงหรือพรรคพวกตัวเอง บางจังหวัดจัดสรรวัคซีนที่สูง ทั้งที่ไม่ใช่พื้นที่สีแดง นอกจากนั้นการพิจารราของบางหน่วยงานบางกระทรวงมีการปิดกั้นไม่ให้สอบถามไม่ให้ตรวจสอบ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องของกองทัพ ขณะที่กรรมาธิการหลายคนทำหน้าที่เป็นองครักษ์พิทักษ์เหล่าทัพ อย่างไรก็ตามขณะนี้กรรมาธิการงบประมาณได้พิจารณาครบทุกหน่วยงานแล้ว จากการพิจารณาอนุกรรมาธิการ 9 คณะ ตัดงบประมาณฟุ่มเฟือย 2.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมงบในส่วนของอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ในส่วนของกองทัพเรือซึ่งยังพิจารณาไม่แล้วเสร็จ
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้จะมีการอุทธรณ์งบจากหน่วยงานที่ถูกตัด ซึ่งพรรคก้าวไกลจะจับตามองการคืนงบบางโครงการที่ไม่จำเป็น นอกจากนั้นเราคิดว่ายังมีบางโครงการที่ควรถูกตัดงบและจะของมติให้ตัดงบ อาทิ โครงการให้ความช่วยเหลือเมียนมาร์โครงการสร้างโครงสร้างแข็งริมชายฝั่ง เป็นต้น และในขั้นตอนแปรญัตติคืนงบที่ตัดได้ให้กับหน่วยงาน โดยพรรคก้าวไกลเห็นว่าควรจัดสรรคืนงบที่เป็นสวัสดิการประชาชน เช่น กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กองทันเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กองทุนประกันสังคม เป็นต้น ส่วนที่มีข่าวว่าจะมีการขอแปรญัตติเข้างบกลางโดยอ้างว่าจะนำไปซื้อวัคซีนให้เด็กนักเรียนนั้น พรรคก้าวไกลขอคัดค้าน เพราะจะเท่ากับการตีเช็คเปล่าให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยไม่มีอะไรการันตีว่าจะนำไปจัดซื้อวัคซีนแต่อย่างใด และอาจจะมีการนำงบไปสร้างคะแนนนิยมให้พรรคการเมืองก่อนการเลือกตั้งครั้งต่อไป
นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส. ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล กล่าวว่า การพิจารณางบประมาณในชั้นอนุกรรมาธิการงบประมาณ ปัญหาที่พบคือการจัดทำงบประมาณแบบปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่บ้านเมืองอยู่ในสภาวะวิกฤติ มีการทำโครงการที่ซ้ำซ้อน อีกปัญหาคือการโอนงบประมาณไปใช้ผิดหลักการ และปัญหาจาก พ.ร.บ.ข้อมูลไซเบอร์ ทำให้หลายหน่วยงานอ้างการอัพเกรด นอกจากนั้นยังมีปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างที่ราคาแพงกว่าท้องตลาดหลายเท่า ใบเสนอราคาไม่โปร่งใส แต่อนุกรรมาธิการยังปล่อยผ่านไปง่ายๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำนักงบประมาณจะต้องพิจารณา ตรวจสอบราคา เช็คราคา นอกจากนั้นยังมีปัญหาหน่วยงานที่มีภารกิจซ้ำซ้อนที่ควรถูกยุบ อาทิ กรมหม่อนไหม ควรยุบรวมอยู่ในกระทรวงเกษตร ศูนย์คุณธรรมมีภารกิจในการทำรายงานสถานการณ์คุณธรรมประจำปี รวมทั้ง กอ.รมน.ที่เป็นหน่วยงานมีภารกิจซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่น แต่มีการของบประมาณจำนวนมาก ปัญหาหน่วยงานที่มีรายได้นอกงบประมาณ แต่ไม่ยอมใช้งบดังกล่าว แต่จะมาขอจัดสรรงบเพิ่ม โดยก็บเงินคงคลังเอาไว้ นอกจากนั้นยังมีปัญหาเรื่องสำนักงบประมาณไม่กล้าตัดลดงบประมาณเกี่ยวกับสถาบันในหน่วยงานต่างๆ ทำให้เวลาที่ถูกตัดลดงบหน่วยงานจะไปตัดโครงการอื่นที่อาจเป็นประโยชน์กับประชาชนแทน อนุกรรมาธิการเร่งรีบในการผ่านงบประมาณโดยไม่สนใจประเด็นสำคัญ อาทิ การที่หน่วยงานใช้ใบเสนอราคาที่ไม่มีลายเซ็นต์เลย แต่ที่ประชุมอนุกรรมาธิการก็ยังให้ผ่าน โดยไม่มีการถามหรือพูดคุยกับประเด็นเหล่านี้
“สรุปได้ว่าโครงการที่ถูกเสนอในชั้นอนุกรรมาธิการส่วนใหญ่ไม่คุ้มค่า ดูแล้วไม่ถูกประโยชน์ ทุกหน่วยงานไม่ได้จัดทำงบประมาณเหมาะสมกับสถานการณ์โรคระบาดเลย แต่เป็นการจัดทำงบประมาณแบบปกติ ทำให้เราเห็นการขอซื้อบางอย่างแล้วเสียความรู้สึก หากจินตนาการถึงภาพคนที่ตายกลางถนน ตายบนสะพานลอย”นายจิรัฏฐ์กล่าว
ด้านนายสุรเชษฐ์ ปวีณวงศ์วุฒิ รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า พรรคก้าวไกลมี 4 ข้อข้องใจหลัก คือ 1.เข้าห้องเย็น หมายถึงการเรียกหัวหน้าหน่วยงานมาเจรจานอกรอบไม่ว่าจะเป็นก่อนหรือหลังการพิจารณา ซึ่งเป็นการเจรจาในทางลับ ไม่รู้ว่าเจรจาเพื่อปรับลดงบประมาณ เป็นการพูดคุยกันของคนรู้จักกัน หรือการเรียกรับผลประโยชน์หรือไม่ 2. ขู่เชือดหนัก โดยอนุกรรมาธิการบางคนขู่ตัดงบ 20-50% ทำให้ข้าราชการกลัว และนำมาซึ่งการต่อรองบางอย่าง หรือเรียกไปเคลียร์ 3.ของข้าใครอย่าแตะ มีการบอกว่าหน่วยงานบางหน่วยงานสำคัญห้ามแตะห้ามยุ่ง ทั้งที่เรื่องจัดสรรงบประมาณต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ แม้บางโครงการจะดูดีก็ต้องมีการพิจารณาในรายละเอียด ซึ่งหลายหน่วยงานมีองครักษ์คอยปกป้อง และ 4.ขอทอนคืน ซึ่งเป็นเรื่องที่เหนื่อยใจมาก เพราะมีการพิจารณาไปแล้ว หน่วยงานไม่สามารถชี้แจงได้ และยอมให้ปรับลด แต่มีกรรมาธิการบางคนต้องการช่วยหน่วยงานเสนอให้ไม่ต้องปรับลดงบเลย แล้วใช้เสียงในกรรมาธิการโหวตผ่าน กลายเป็นการทอนงบที่สามารถตัดได้ไปคืนให้หน่วยงาน ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง อย่างไรก็ตามจากข้อข้องใจทั้ง 4 ข้อนั้น ขอให้ประชาชนอย่าเพิ่งหมดหวัง เพราะมีทางออกคือให้เกิดการไลฟ์สดในกรรมาธิการงบประมาณ ซึ่งจะลดปัญหา 4 ข้อข้อใจดังกล่าวได้
โดยนายปกรณ์วุฒิ กล่าวเสริมว่า พรรคก้าวไกลมีข้อเรียกร้องให้เปิดเผยข้อมูลและมีความโปร่งใสในการพิจารณามากกว่านี้ ข้อเสนอที่ 1.คือต้องมีการจัดทำเอกสารทั้งหมดเป็นไฟล์ excel เพื่อให้สามรถนำไปวิเคราะห์ได้ในหลายมิติ ประชาชนสามารถหยิบไปวิเคราะห์ได้สะดวก และเอกสารทั้งหมดต้องอัพโหลดเป็นไฟล์ดิจิตอลและส่งล่วงหน้า 2.การประชุมกรรมาธิการและอนุกรรมาธิการทั้งหมดต้องมีการถ่ายทอดสด และบันทึกเก็บไว้ ซึ่งเชื่อว่าหากมีการถ่ายทอดสดการทอนเงินคืนหรือการปกป้องหน่วยงานจะไม่เกิดขึ้น จะทำให้การตรวจสอบมีประสิทธิภาพมากขึ้น.