เมื่อวันที่ 25 ก.ค. นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วยนายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ส.ส.นนทบุรี พรรค พท. ร่วมแถลงข่าว เรื่องสัญญาการจัดซื้อเรือดำนํ้าแบบจีทูจีอาจจะเป็นจีทูเก๊ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้กองทัพเรือไม่กล้านำสัญญามาให้คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ตรวจสอบ

โดยนายยุทธพงศ์ กล่าวว่า ในการประชุมกมธ.งบประมาณฯ เมื่อวันที่ 22 ก.ค. คณะอนุกมธ.ครุภัณฑ์และไอซีที ได้พิจารณางบจัดซื้ออาวุธของกระทรวงกลาโหม พบว่า กองทัพบกเสนอมา 15,337 ล้านบาท ปรับลดไป 1,100 ล้านบาท กองทัพอากาศเสนอมา 11,540 ล้านบาท ถูกปรับลด 510 ล้านบาท และกองทัพเรือเสนอมา 7,490 ล้าน แต่ถูกคณะอนุกมธ.แขวนไว้ เนื่องจากมีความสงสัยในความไม่โปร่งใสของสัญญาจีทูจีระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีน จึงมีการตั้งคำถามว่า “จีทูจีจริง หรือจีทูจีเก๊” ยืนยันว่า ตนจะใช้คำว่า “จีทูจีเก๊” หากจะฟ้องร้องก็ฟ้องได้ เพราะมีความน่าสงสัยจริงๆ

นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า จดหมายจากพล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ อดีตผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ถึงนาย สู่ จ้าน ปิน เรื่องการจัดซื้อเรือ 2 ลำ คือ เรือยกพลขึ้นบกหรือเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ LPD  มูลค่า 6,200 ล้านบาท และเรือดำน้ำลำที่ 1  มูลค่า 13,000 ล้านบาท บอกว่ามีการจัดซื้อแบบรัฐต่อรัฐ ซึ่งทางกมธ.งบประมาณฯ ได้ร้องขอต่อพล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขา ผบ.ทร.คนปัจจุบัน ส่งสัญญาการจัดซื้อเรือ LPD และเรือดำน้ำลำที่ 1 ให้กมธ.งบประมาณฯ เนื่องจากมีค่างวดที่จะต้องไปจ่ายเงิน ในงบปี 65 เรือดำน้ำที่มาขอต่อกมธ.งบประมาณฯ 1,145 ล้านบาท ส่วนเรือ LPD ของบประมาณ 1,674 ล้านบาท ซึ่งกองทัพเรือไม่นำสัญญามาให้กมธ.งบประมาณฯ ดูจะอนุมัติเงินให้ได้อย่างไร เพราะ 2 รายการนี้รวมกันเกือบ 3,000 ล้านบาท จึงมีมติแขวนงบของกองทัพเรือเพื่อที่จะให้นำสัญญามาให้ดู และได้นัดวันชี้แจงที่ 27 ก.ค.นี้ เวลา 10.00 น.

“ถ้ากองทัพเรืออ้างว่าสัญญาซื้อขายเป็นความลับไม่สามารถเปิดเผยได้ กมธ.งบประมาณฯต้องขอตัดงบประมาณทิ้งทั้งหมด เพราะไม่รู้จะอนุมัติงบประมาณให้ได้อย่างไร เพราะเราไม่ได้ขอดูระบบจรวดยิงได้ไกลกี่กิโล ระบบอาวุธนำวิถีมีอะไรบ้าง ใช้เรดาร์อะไร หรือใช้ระบบปืนอะไร แต่จะพิจารณาดูเพียงเรื่องของงบประมาณเท่านั้น” นายยุทธพงศ์ กล่าว

นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อว่า ส่วนข้อสงสัยว่าเป็นจีทูจีจริงหรือเก๊นั้น สืบเนื่องจากสัญญาที่รัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีนลงนามฝั่งรัฐบาลจีนได้มอบตัวแทนให้บริษัท China Shipbuding&Offshore International Co.Ltd. (CSOC) นายสู จี คี ประธานบริษัท ส่วนของรัฐบาลไทยคือกองทัพเรือ โดยพล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ อดีตผบ.ทร. เป็นตัวแทน ส่วนการจ่ายเงินกองทัพเรือ จะโอนเงินให้บริษัท CSOC ที่ปักกิ่ง ประเทศจีน เรื่องดังกล่าวนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า เหตุใดกองทัพเรือจึงไม่กล้านำสัญญามาให้กมธ.งบประมาณฯดู เนื่องจากตนตั้งข้อสงสัยว่าเป็นจีทูจีเก๊หรือไม่ และหากมีการฟ้องร้องตนยินดีที่จะขึ้นศาลเพื่อทำการพิสูจน์ความจริง

นายยุทธพงศ์ กล่าวด้วยว่า บริษัท CSOC ไม่ใช่ตัวแทนของรัฐบาลจีนแต่อาจเป็นจีทูจีเก๊ เพราะโครงการเรือดำน้ำงบประมาณทั้งหมด 44,224 ล้านบาท อาทิ การจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 1 และลำที่ 2 เรืออเนกประสงค์ยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ ล้วนแต่เป็นงบผูกพัน โดยเฉพาะการก่อสร้างท่าจอดเรือดำน้ำ ที่กองทัพเรือประกาศให้บริษัท CSOC เป็นผู้ชนะการเสนอราคาก่อสร้าง เพราะเป็นเรื่องเฉพาะทางต้องใช้เทคนิคพิเศษ แต่เมื่อดูงบประมาณ 857 ล้านบาท ที่มีรายการการขุดลอก บำรุงรักษาร่องน้ำ และเขื่อนกันคลื่น ประมาณ 833 ล้าน ค่าใช้จ่ายพิเศษประมาณ 24 ล้าน จึงขอถามว่า รัฐบาลจีน โดยบริษัท CSOC จะกระจอกขนาดนั้นเลยหรือถึงได้มารับจ้างขุดลอก

นายยุทธพงศ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ กองทัพเรือยังมีโครงการใหม่งบปี 65 จัดซื้ออากาศยานไร้คนขับประจำฐานบินชายฝั่ง 3 ตัว รุ่น Wing Loog ll งบประมาณ 4,100 ล้านบาท แต่กองทัพเรือยังไม่ได้ชี้แจงรายละเอียด เบื้องต้นได้ดูตามเอกสารที่นำมามอบให้แล้ว ขอถามกลับว่า โดรนสามารถปราบโควิด-19 และจะพาคนตายบินไปสวรรค์หรือลงนรกได้หรือไม่ หากกองทัพเรือไม่สามารถชี้แจงความจำเป็นในการจัดซื้อโดรน ก็จะขอปรับลดงบประมาณในส่วนนี้ในคณะอนุกมธ.คุรุภัณฑ์ฯ วันที่ 27 ก.ค.นี้ หากแพ้จะไปสู้ต่อในกมธ.งบประมาณฯ เพราะไม่จำเป็นเร่งด่วน ซึ่งอาวุธที่จะซื้อมา ไม่ว่าจะเป็นเรือดำน้ำ โดรน และเรือยกพลขึ้นบก มันปราบโควิด-19 ไม่ได้ จึงยังไม่จำเป็นต้องซื้อ

“ขอเรียกร้องให้ผบ.ทร. และเสนาธิการทหารเรือ ให/ความร่วมมือและชี้แจงข้อสงสัยและข้อครหาในความไม่โปร่งต่อการจัดซื้อแบบจีทูจี ของเรือบรรจุเฮลิคอปเตอร์ยกพลขึ้นบกและเรือดำน้ำลำที่ 1 ทำไมไม่นำสัญญาให้ดู ทั้งๆ ที่เราๆไม่ได้มีอคติกับกองทัพเรือ อยากให้เข้าใจว่ากมธ.งบประมาณฯทำงานแบบสร้างสรรค์ มีหน้าที่ตรวจสอบงบประมาณอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งกองทัพบกและกองทัพอากาศก็มีการจัดซื้อแบบจีทูจี และนำสัญญามามอบให้ดูไม่ได้ปกปิดอะไร ประชาชนจะได้ไม่มีข้อเคลือบแคลงสงสัย ยืนยันว่าตรวจสอบงบของทุกกองทัพ” นายยุทธพงศ์ กล่าว.