นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ ได้เร่งขับเคลื่อนดำเนินการรับซื้อมะม่วงฟ้าลั่น เพื่อเร่งกระจายผลผลิตออกจากแหล่งผลิต ตั้งแต่ต้นฤดูการผลิต เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค.2565 รวมปริมาณการรับซื้อแล้วกว่า 1,400 ตัน ในราคานำตลาดกิโลกรัม (กก.) ละ 10 บาท จากราคาตลาดเกรดคละ 7-8 บาท/กก. สูงกว่าปี 2564 ที่ราคาอยู่ที่ 4-5 บาท และได้เริ่มรับซื้อมะม่วงน้ำดอกไม้ในราคา กก.ละ 25 บาท จากราคาตลาดเกรดคละ 20-22 บาท/กก. สูงกว่าปี 2564 ที่ราคาอยู่ที่ 15-20 บาท เพื่อดูแลราคาให้กับเกษตรกร

ทั้งนี้ ในจังหวัดพิจิตร กรมฯ ได้เข้าไปรับซื้อผลผลิตจาก 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มแปลงใหญ่มะม่วงวังทับไทร กลุ่มแปลงใหญ่มะม่วงคลองทราย กลุ่มกองทุนฟื้นฟู กลุ่มเกษตรกรบ้านหนองสองห้อง และจังหวัดพิษณุโลก จำนวน 6 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้ปลูกมะม่วงเพื่อการส่งออกไทรย้อย กลุ่มผู้ปลูกมะม่วงบ้านเขาเขียว กลุ่มผู้ผลิตมะม่วงบ้านลำภาศ กลุ่มมะม่วงคุณภาพบ้านวังน้ำบ่อ กลุ่มแปลงใหญ่บ้านพุกระโดน กลุ่มบ้านคลองตะเคียน ซึ่งผลจากการรับซื้ออย่างต่อเนื่องในราคานำตลาด ทำให้เกษตรกรมีความพอใจในราคาเป็นอย่างมาก

ขณะเดียวกัน ได้ลงพื้นที่ร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดพิจิตร เพื่อติดตามสถานการณ์ และพบปะกับกลุ่มเกษตรกรปลูกมะม่วงในจังหวัด พบว่า ผลผลิตสินค้ามะม่วงฟ้าลั่นยังคงเหลืออยู่ในพื้นที่ประมาณ 150-200 ตัน จึงได้ดำเนินการเชื่อมโยงผลผลิตทั้งหมดในส่วนที่เหลือเข้าสู่รถโมบายพาณิชย์ ลดราคาช่วยประชาชน และยังประสานปั๊มน้ำมัน PT รับซื้อผลผลิตตกเกรดจากจังหวัดพิจิตรและพิษณุโลก รวม 300 ตัน โดยรับซื้อในราคา กก.ละ 5 บาท ซึ่งเป็นราคานำตลาด จากปกติ กก.ละ 3-4 บาท เพื่อนำไปแปรรูปและแจกเป็นของสัมมนาคุณให้กับผู้ใช้บริการ โดยได้เริ่มรับซื้อตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค .2565 และจะซื้อไปจนสิ้นสุดฤดูกาล

นายวัฒนศักย์กล่าวว่า ข่าวการเททิ้งมะม่วง กรมฯ ได้ตรวจสอบแล้ว เป็นการคัดแยกผลผลิตมะม่วงของผู้รวบรวมผลผลิต (ล้ง) ซึ่งมีการรับซื้อแบบเหมา และมาทำการคัดแยกที่ตกเกรดหรือไม่ได้คุณภาพออกทิ้ง โดยล้งช่วยเหลือเกษตรกรรับซื้อผลผลิตตกเกรดในลักษณะนี้ในราคา กก.ละ 1-2 บาท เนื่องจากเข้าตลาดไม่ได้ ซึ่งเป็นการดำเนินการทางการค้าปกติก่อนส่งไปยังตลาดปลายทาง  

สำหรับแนวทางการบริหารจัดการสินค้ามะม่วง ในปี 2565 เพื่อรองรับผลผลิตที่จะออกมากในช่วงเดือน เม.ย.2565 ในแหล่งผลิตสำคัญในจังหวัดเชียงใหม่ พิษณุโลก ลำพูน สุโขทัย ประจวบคีรีขันธ์ สระแก้ว ฉะเชิงเทรา เพชรบุรี พิจิตร นครราชสีมา กรมฯ ได้ร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดในแหล่งผลิต ดำเนินมาตรการกระจายผลผลิตออกจากแหล่งผลิตโดยสนับสนุนค่าบริหารจัดการ กก.ละ 3 บาท ปริมาณผลผลิตมะม่วงเป้าหมาย รวม 14,900 ตัน

นอกจากนี้ มีแผนที่จะดำเนินการเปิดจุดจำหน่ายผ่านรถโมบาย การเคหะ ห้างท้องถิ่น และนิคมอุตสาหกรรม อย่างต่อเนื่องตลอดฤดูการผลิต โดยมีเป้าหมายรับผลผลิตมะม่วงในช่วงเดือน เม.ย.2565 ปริมาณไม่น้อยกว่า 8,000 ตัน ซึ่งมาตรการทั้งหมดนี้ จะช่วยรักษาเสถียรภาพราคามะม่วงให้อยู่ในเกณฑ์ดีได้ตลอดฤดูการผลิต