เมื่อวันที่ 26 มี.ค. ที่่โรงเรียนอนุบาลมูลนิธิดวงประทีป เขตคลองเตย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ลงพื้นที่เยี่ยมชาวชุมชนคลองเตย โดยมีผู้นำชุมชนกว่า 20 ชุมชนประมาณ 100 คน ร่วมรับฟังและสะท้อนปัญหาในพื้นที่หลายด้าน อาทิ ปัญหาการศึกษา เศรษฐกิจ ที่อยู่อาศัยมั่นคง รวมทั้งปัญหาสาธารณสุขภายหลังโควิด-19 แพร่ระบาด 

นายชัชชาติ กล่าวว่า ช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2563 ได้มีโอกาสช่วยเหลือและทำงานร่วมกับชุมชนคลองเตยอย่างต่อเนื่อง ผ่านมูลนิธิดวงประทีป เจ้าอาวาสวัดสะพาน และกลุ่มคลองเตยดีจัง พบว่า แม้ชาวชุมชนจำนวนมากได้รับผลกระทบทางสุขภาพและเศรษฐกิจ แต่สามารถเผชิญปัญหาไปได้ ส่วนหนึ่งเกิดจากความร่วมมือภายในชุมชน ชี้ให้เห็นว่าปัจจัยสำคัญของการสร้างเมืองน่าอยู่เพื่อทุกคน ต้องเริ่มต้นจากการพัฒนาชุมชน หรือ “เส้นเลือดฝอย” ให้เข้มแข็งและมีคุณภาพชีวิตที่ดี

นายชัชชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ต้องทำให้ชุมชนคลองเตยน่าอยู่ พัฒนารถเก็บขยะขนาดเล็กให้เข้าถึงชุมชนได้ทั่วถึง ลดขยะตกค้างในชุมชน ติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียชุมชน ให้น้ำเสียจากชุมชนได้รับการบำบัดเพื่อคลองสะอาดและไม่ส่งกลิ่นเหม็น นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของนโยบาย แต่เชื่อว่านโยบายเหล่านี้จะทำให้คุณภาพชีวิตของทุกคนดีขึ้นไม่มากก็น้อย และจะทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับทุกคน 

ซึ่งชุมชนคลองเตยมีประชากรกว่า 80,000 คน ถือเป็นกำลังสำคัญขับเคลื่อนเมือง กทม.ต้องทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดี รับฟังปัญหาชุมชนอย่างสม่ำเสมอ พร้อมแก้ไขปัญหาและติดตามผล เพื่อส่งเสริมความเข้มแข็งเส้นเลือดฝอย สำหรับบางปัญหาที่เกินอำนาจหน้าที่ เช่น ปัญหาด้านที่อยู่อาศัย กทม. ต้องทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที 

เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2562 ชุมชนตรอกโรงหมู เขตคลองเตย เป็นพื้นที่ที่นายชัชชาติใช้เปิดตัวแคมเปญ Better Bangkok สร้างกรุงเทพฯ ที่ดีกว่าเดิม ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการลงพื้นที่สำรวจปัญหา รับฟังความต้องการชาวกรุงเทพฯ หารือผู้เชี่ยวชาญ ภาคประชาสังคมและอาสาสมัคร ตลอดกว่า 2 ปีที่ผ่านมา และเป็นที่มาของนโยบาย กรุงเทพฯ เมืองที่น่าอยู่สำหรับทุกคน.