นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ในปี 65 ตลท.ได้ปรับปรุงมาตรการกำกับการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพในการกำกับดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์ให้เหมาะสมและเพื่อที่จะป้องกันความเสี่ยงให้กับผู้ลงทุนได้อย่างทันท่วงทีมากขึ้น ด้วยการยกระดับของมาตรการให้เข้มขึ้นจากเดิม และเพิ่มมาตรการการหยุดพักการซื้อขายชั่วคราว 1 วันทำการเป็นมาตรการในระดับสูงสุด ซึ่งสอดคล้องกับมาตรการของตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ โดยมาตรการดังกล่าวได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง และผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. แล้ว

สำหรับมาตรการกำกับการซื้อขายหลักทรัพย์ใหม่นี้ จะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2565 เป็นต้นไป โดยมีรายละเอียดดังนี้

ทั้งนี้ มาตรการเดิม ได้แก่ 

มาตรการระดับ 1:

• ให้ซื้อด้วยการวางเงินสด 100% ก่อนซื้อ (บัญชี cash balance)

มาตรการระดับ 2:

• ให้ซื้อด้วยการวางเงินสด 100% ก่อนซื้อ และ

• ห้ามนำหลักทรัพย์ที่กำหนดมาคำนวณเป็นวงเงินซื้อขาย

มาตรการระดับ 3:

• ให้ซื้อด้วยการวางเงินสด 100% ก่อนซื้อ และ

• ห้ามนำหลักทรัพย์ที่กำหนดมาคำนวณเป็นวงเงินซื้อขาย และ

• ห้าม Net Settlement

ขณะที่ มาตรการใหม่ ได้แก่

มาตรการระดับ 1:

• ให้ซื้อด้วยการวางเงินสด 100% ก่อนซื้อ (บัญชี cash balance) และ

• ห้ามนำหลักทรัพย์ที่กำหนดมาคำนวณเป็นวงเงินซื้อขาย

มาตรการระดับ 2:

• ให้ซื้อด้วยการวางเงินสด 100% ก่อนซื้อ และ

• ห้ามนำหลักทรัพย์ที่กำหนดมาคำนวณเป็นวงเงินซื้อขาย และ

• ห้าม Net Settlement

มาตรการระดับ 3:

• ห้ามซื้อขายชั่วคราว 1 วันทำการ (เฉพาะวันแรก)

เมื่ออนุญาตให้ซื้อขาย

• ให้ซื้อด้วยการวางเงินสด 100% ก่อนซื้อ และ

• ห้ามนำหลักทรัพย์ที่กำหนดมาคำนวณเป็นวงเงินซื้อขาย และ

• ห้าม Net Settlement

 โดยมาตรการในแต่ละระดับ มีระยะเวลาเริ่มต้นจนถึงวันสิ้นสุดครั้งละ 3 สัปดาห์ โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ สามารถพิจารณาขยาย หรือยกระดับมาตรการได้ เมื่อพบว่าสภาพการซื้อขายหลักทรัพย์ยังคงผิดปกติ  

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลของหลักทรัพย์ที่อยู่ในมาตรการกำกับการซื้อขายโดยละเอียด ทั้งด้านฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน รวมถึงความเสี่ยงและปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ประกอบกับสภาพการซื้อขายของหลักทรัพย์ก่อนตัดสินใจลงทุน