นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู เพาเวอร์ (บีพีพี) เปิดเผยว่า ในปี 65 บริษัทมั่นใจมีรายได้เติบโตขึ้นจากปี 64 ที่มีรายได้รวม 6,784 ล้านบาท เนื่องจากปีนี้ บริษัทรับรู้รายได้เต็มปีจากโรงไฟฟ้า Temple I ที่สหรัฐอเมริกาและโรงไฟฟ้านาโกโซ ประเทศญี่ปุ่น โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในออสเตรเลีย รวมทั้งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมหวินเจา ระยะที่ 1 ในเวียดนาม ที่เพิ่งจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 1/2565 และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เวียดนาม

นอกจากนี้ บริษัทแสวงหาโอกาสการลงทุนโรงไฟฟ้าใหม่ ๆ เพิ่มเติมในต่างประเทศ โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าก๊าซฯ และพลังงานหมุนเวียนในสหรัฐอเมริกา นับเป็นการหาโอกาสการลงทุนตลอดห่วงโซ่คุณค่าพลังงานและการซื้อขายไฟฟ้าในตลาดเสรี (Energy Trading) คาดว่าจะเห็นการร่วมทุนหรือควบรวมซื้อกิจการ (M&A) ในช่วงครึ่งแรกปีนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ บมจ.บ้านปูได้มีการลงทุนแหล่งก๊าซฯ ในสหรัฐอเมริกา จำนวน 2 แหล่ง ซึ่งเมื่อปี 64 บริษัทได้มีการลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซฯ Temple I เพื่อรับก๊าซฯ จากแหล่งบาร์เนตต์ของบ้านปูมาผลิตไฟฟ้า

นายกิรณ กล่าวว่า บริษัทตั้งงบลงทุนในปี 65 ไว้ 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 22,400 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงทั่วไปที่มีประสิทธิภาพสูง 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อขยายพอร์ตโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ตามเป้าหมายที่จะมีกำลังผลิตรวม 5,300 เมกะวัตต์ในปี 68 จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 3,242 เมกะวัตต์

ส่วนกรณีที่ราคาถ่านหินปรับตัวสูงขึ้นนั้น บริษัทไม่ได้รับผลกระทบ ทั้งโรงไฟฟ้า HPC ใน สปป.ลาว เพราะเป็นโรงไฟฟ้าที่มีเหมืองถ่านหินของตนเอง และโรงไฟฟ้า BLCP ในไทยสามารถส่งผ่านราคาถ่านหินให้กับ กฟผ. คงเหลือแต่โรงไฟฟ้าถ่านหินในจีนที่อาจได้รับผลกระทบบ้างแต่ไม่มาก เพราะมีการบริหารจัดการในการนำเข้าถ่านหินที่มีราคาต่ำกว่าตลาดมาใช้ และเน้นการขายไอน้ำมากขึ้น