จากรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ส การโจมตีโดยตรงของกองทัพอิหร่าน อย่างที่แทบไม่เคยปรากฏมาก่อน เกิดขึ้นขณะที่ดุลแห่งอำนาจในตะวันออกกลาง กำลังจะถึงจุดหักเห จากการเจรจาที่กรุงเวียนนา ออสเตรีย เพื่อรื้อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ส่อเค้าล้มเหลว ซึ่งทำให้ความเสี่ยงเกิดสงครามสูงขึ้น และกลุ่มการเมืองในอิรักกำลังพยายามก่อตั้งรัฐบาลชุดใหม่ มีการหักเหลี่ยมพลิกเกมกันอุตลุด ระหว่างฝ่ายนิยมอิหร่าน กับฝ่ายตรงข้าม

นักวิเคราะห์ในตะวันออกกลาง กล่าวว่า การเจรจาที่เวียนนา และความพยายามก่อตั้งรัฐบาลอิรัก ช่วยอธิบายสาเหตุที่อิหร่าน เลือกช่วงเวลานี้ โชว์ความพร้อมในการใช้ขีปนาวุธที่เตหะราน คุยโวมานานว่าเป็นอาวุธทีเด็ด ในการต่อกรกับสหรัฐ อิสราเอล และหลายประเทศในภูมิภาค ที่ไม่เป็นมิตรกับอิหร่าน

การตัดสินใจของไออาร์จีซี ในการยิงขีปนาวุธโจมตีโดยตรงต่อดินแดนที่ควบคุมโดยรัฐบาลท้องถิ่นชาวเคิร์ด ซึ่งเป็นพันธมิตรกับสหรัฐ และประกาศตัวเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ ผิดไปจากเมื่อก่อน ที่อิหร่านมักใช้การกดดันทางทหาร โดยผ่านหลายกลุ่มติดอาวุธตัวแทน เช่น ฮิซบอลเลาะห์ที่มีฐานอยู่ในเลบานอน หรือกลุ่มฮามาสของชาวปาเลสไตน์

ไออาร์จีซีบอกว่า การโจมตีมีเป้าหมายที่ “ศูนย์ยุทธศาสตร์” ของอิสราเอล และเป็นการเอาคืน หลังจากอิสราเอลโจมตีทางอากาศในซีเรียเมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งทำให้ทหารของไออาร์จีซีเสียชีวิต 2 นาย

เบื้องต้นยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ศูนย์ยุทธศาสตร์อิสราเอล ที่ไออาร์จีซีพูดถึงคืออะไร อยู่ตรงจุดไหนของเมืองเออร์บิล และรัฐบาลเคอร์ดิสถาน​ก็ปฏิเสธว่า ไม่มีศูนย์ใด ๆ ของอิสราเอล อยู่ในดินแดนของตนเอง

ขีปนาวุธ 12 ลูกที่ไออาร์จีซียิงโจมตี ตกลงใกล้อาคารสถานกงสุลสหรัฐในเมืองเออร์บิล ที่เพิ่งสร้างใหม่ และคณะเจ้าหน้าที่สหรัฐกำลังจะย้ายเข้าไปอยู่ ไม่มีผู้ใดเสียชีวิต แต่ชาวบ้านที่อยู่บริเวณดังกล่าวถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บ 1คน

ศาสตราจารย์โทบี ดอดจ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ แห่งวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์ลอนดอน (แอลเอสอี) ในสหราชอาณาจักร กล่าวว่า การโจมตีโดยไม่ต้องผ่านตัวแทนของอิหร่านครั้งนี้ สาเหตุน่าจะมาจากทหารไออาร์จีซีในซีเรีย ถูกอิสราเอลสังหาร ขณะเดียวกัน การโจมตียังถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนไปยังสหรัฐ รวมทั้งชาติพันธมิตรของสหรัฐในตะวันออกกลาง และกลุ่มการเมืองในอิรักที่พยายามจะตั้งรัฐบาล โดยไม่มีกลุ่มนิยมอิหร่านเข้าร่วม

หัวหน้าใหญ่กลุ่มติดอาวุธแนวร่วมอิหร่านในอิรักรายหนึ่งกล่าวยืนยันว่า เป้าหมายโจมตีหลักอยู่ที่อิสราเอล และอิหร่านต้องการสื่อสารให้รู้ว่า ต่อไปนี้อิหร่านพร้อมที่จะตอบโต้ทุกภัยคุกคามด้วยขีปนาวุธ และจะเป็นการโจมตีด้วยตัวเองโดยเปิดเผย ไม่จำเป็นต้องผ่านกลุ่มตัวแทนเหมือนที่ผ่านมา

ล่าสุด เมื่อวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา ไออาร์จีซี ประกาศจะโจมตี “ฐานทหารอิสราเอล” ในดินแดนอิรักอีก หากทางการอิรักยังเพิกเฉย ไม่จัดการด้วยตนเอง เนื่องจากฐานเหล่านี้เป็นภัยคุกคามร้ายแรงและโดยตรงต่ออิหร่าน

ด้าน พล.อ.เคนเนธ แมคเคนซี ผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการภูมิภาคกลางของกองทัพสหรัฐ กล่าวว่า ความขัดแย้งระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล ทวีความรุนแรง และมีแนวโน้มจะยกระดับตอบโต้กันรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เสี่ยงที่จะเกิดสงครามเต็มรูปแบบ นับว่าน่าวิตกไม่น้อย.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : REUTERS