เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ที่ จ.บึงกาฬ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) และโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 212 สาย อ.โพนพิสัย-บึงกาฬ ตอนตำบลหอคำ-บึงกาฬ จ.บึงกาฬ พร้อมคณะผู้บริการกระทรวงคมนาคม และ จ.บึงกาฬ ร่วมงาน

นายศักดิ์สยาม เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีนโยบายพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง กระทรวงฯ จึงเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาพื้นที่ จ.บึงกาฬ และจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งเป็นพื้นที่เชื่อมต่อไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว)

จึงสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมทางหลวง (ทล.) กรมทางหลวงชนบท (ทช.) กรมท่าอากาศยาน (ทย.) และกรมเจ้าท่า (จท.) ร่วมกันพัฒนาเส้นทางคมนาคมขนส่งเพื่ออำนวยความสะดวกของประชาชนในภูมิภาคให้มีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ทั้งการคมนาคมขนส่งทางบก ทางอากาศ และทางน้ำ โดยลงพื้นที่ครั้งนี้ได้พบปะประชาชนในพื้นที่ เพื่อรับฟังความคิดเห็น พัฒนาและแก้ไขปัญหาด้านการคมนาคมขนส่งในพื้นที่ และรับฟังการบรรยายสรุปความคืบหน้าโครงการก่อสร้างใน จ.บึงกาฬจำนวน 2 โครงการขนาดใหญ่ มูลค่ารวม 4,561,541,500 บาท ดังนี้

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า 1.โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) พร้อมโครงข่ายเป็นการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน ภายใต้กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion: GMS) วงเงินก่อสร้าง 3,930 ล้านบาท ดำเนินการโดยสำนักบริหารโครงการทางหลวงระหว่างประเทศ ผลงานในภาพรวมโครงการ เมื่อวันที่ 28 ก.พ.65 มีความคืบหน้ารวม 36.704% เร็วกว่าแผน 0.643% คาดว่าจะเชื่อมต่อพื้นที่สะพานได้ประมาณกลางปี 66 เปิดให้บริการได้ประมาณต้นปี 67 แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่

ส่วนที่ 1 งานก่อสร้างถนนฝั่งไทย ช่วง กม. ที่ 0+000-9+400 วงเงิน 831 ล้านบาท เริ่มต้นสัญญาเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.63 สิ้นสุดสัญญาวันที่ 16 ธ.ค.65 มีความคืบหน้า 50.903% เร็วกว่าแผน 1.378% คาดว่าจะแล้วเสร็จตามกำหนด ส่วนที่ 2 งานก่อสร้างถนนฝั่งไทยและด่านพรมแดนฝั่งไทย ช่วง กม.ที่ 9+400-12+082.930 วงเงิน 883 ล้านบาท เริ่มต้นสัญญาเมื่อวันที่ 25 ก.ย.63 สิ้นสุดสัญญาวันที่ 13 มี.ค.66 มีความคืบหน้า 41.366% ช้ากว่าแผน 2.733%

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า และส่วนที่ 3 งานสะพานข้ามแม่น้ำโขงฝั่งไทย รวมงานปรับปรุงสี่แยกทางหลวงหมายเลข 212 และลานอเนกประสงค์ใต้สะพาน แบ่งเป็น ฝั่งไทย ช่วง กม. ที่ 12+082.930-13+032.930 วงเงิน 787 ล้านบาท เริ่มต้นสัญญาเมื่อวันที่ 24 พ.ย.63 สิ้นสุดสัญญาวันที่ 8 พ.ย.66 มีความคืบหน้า 18% ช้ากว่าแผน 2.77% และฝั่ง สปป.ลาว ระยะทาง 0.535 กม. วงเงิน 379 ล้านบาท เริ่มต้นสัญญาเมื่อวันที่ 4 ม.ค.64 สิ้นสุดสัญญาวันที่ 3 ม.ค.67 มีความคืบหน้า 25.21% เร็วกว่าแผน 8.11% ในส่วนของงานถนนและด่านพรมแดนฝั่ง สปป.ลาว มีความคืบหน้า 40.78% เร็วกว่าแผน 3.52%

โครงการนี้มีระยะทาง 16.18 กม.แบ่งเป็นถนนฝั่งไทย 13 กม. และถนนฝั่ง สปป.ลาว 3.18 กม. การออกแบบโครงสร้างได้นำเสาหลักของสะพาน (Pylon) มาประยุกต์ระหว่างโครงสร้างกับ “แคน” ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีท้องถิ่น เพื่อแสดงถึงวัฒนธรรมของชุมชนในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง รูปแบบการก่อสร้างเป็นสะพานคานขึงคอนกรีตอัดแรงรูปกล่อง ขนาด 2 ช่องจราจร มีไหล่ทางพร้อมทางเท้า ช่วงข้ามแม่น้ำโขง ระยะทาง 810 เมตร และงานทางลาดลงจากตัวสะพาน ความยาวถนนฝั่งไทย 410 เมตร ฝั่ง สปป.ลาว ความยาว 130 เมตร รวมความยาวสะพานทั้งหมด 1,350 เมตร มีด่านควบคุมทั้ง 2 ฝั่งประเทศ และมีจุดสลับทิศทางจราจรอยู่ในฝั่ง สปป.ลาว

นายศักดิ์สยาม กล่าวด้วยว่า 2.โครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 212 สาย อ.โพนพิสัย-บึงกาฬ ตอน ต.หอคำ-บึงกาฬ ช่วง กม. ที่ 108+984.000-125+416.103 และ กม.ที่ 126+694.399-127+189.000 ระยะทาง 16.926 กม. วงเงิน 631,541,500 บาท สำนักก่อสร้างทางที่ 2 ได้ก่อสร้างขยายช่องจราจรจากเดิม 2 ช่องจราจร เป็น 4 ช่องจราจร ปัจจุบันโครงการมีความคืบหน้ารวม 46.150% เร็วกว่าแผนงาน 0.867% โครงการนี้เริ่มต้นสัญญาตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค.63 สิ้นสุดสัญญาวันที่ 26 ม.ค.66 ระยะเวลา 930 วัน โดยบริษัท พระนครศรีอยุธยาพาณิชย์และอุตสาหกรรม จำกัด เป็นผู้รับจ้าง

เมื่อโครงการก่อสร้างทั้ง 2 โครงการแล้วเสร็จ จะช่วยเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งระหว่างไทยและ สปป.ลาว ให้มีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดย ทล.212 สาย อ.โพนพิสัย-บึงกาฬ จะเป็นทางผ่านไปสู่สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) ทำให้เส้นทางดังกล่าวเป็นการคมนาคมขนส่งที่เชื่อมต่อไปยัง สปป.ลาว และภูมิภาคอาเซียนได้ เพื่อรองรับการพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน รวมถึงสนับสนุนระบบโลจิสติกส์ของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economics Community: AEC) นอกจากนี้ยังช่วยส่งเสริมความร่วมมือด้านการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมในภูมิภาคอีกด้วย