“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” รายงานผลสำรวจดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพครัวเรือน (KR-ECI) โดยในเดือนก.พ. 65 ภาครัฐมีมาตรการบรรเทาค่าครองชีพของครัวเรือนออกมาต่อเนื่อง ประกอบกับการเปิดให้ลงทะเบียน Test & Go อีกครั้ง ทำให้เกิดความหวังเกี่ยวกับภาคท่องเที่ยวมากขึ้น ปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนมุมมองเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนให้ปรับดีขึ้นจากระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนก่อน
โดยดัชนี KR-ECI ปัจจุบันอยู่ที่ 33.9 จาก 30.9 และ 3 เดือนข้างหน้า 36.0 จาก 33.2 ในเดือน ม.ค. 65 ดัชนีปรับดีขึ้นในทุกองค์ประกอบ แม้ว่ารายงานดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือน ก.พ. จะระบุว่า ระดับดัชนีราคาในหมวดอาหารบริโภคในบ้านและนอกบ้านปรับเพิ่มขึ้นที่ 5.75% และ 5.29% เทียบช่วงเดียวกับปีก่อน แต่ผลสำรวจ KR-ECI บ่งชี้ว่าความกังวลเกี่ยวกับระดับราคาอาหารและเครื่องดื่ม (ของรับประทาน) ลดลงจากเดือนก่อน
ซึ่งคาดว่ามาตรการคนละครึ่งระยะที่ 4 ของภาครัฐช่วยบรรเทาผลกระทบหรือความกังวลจากราคาอาหารที่ปรับขึ้นได้ เนื่องจากพิจารณายอดสะสมแบ่งตามประเภทร้านค้าของมาตรการคนละครึ่งพบว่า เกือบครึ่งหนึ่งของยอดค่าใช้จ่ายทั้งหมด ผู้เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งได้ใช้จ่ายไปกับร้านอาหารและเครื่องดื่ม โดยข้อมูลจากกระทรวงการคลัง ณ วันที่ 8 มี.ค. 65 อยู่ที่ 21,774.6 ล้านบาท จากยอดการใช้จ่ายรวม 51,153.1 ล้านบาท บ่งชี้ว่ามาตรการดังกล่าวเข้ามาช่วยแบ่งเบาและบรรเทาราคาสินค้าที่ปรับเพิ่มขึ้นได้บางส่วน
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาในส่วนของพฤติกรรมการใช้จ่ายเทียบกับเดือนก่อนพบว่า ครัวเรือนส่วนใหญ่ยังมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ครัวเรือนที่มีค่าใช้จ่ายลดลงกลับมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น เนื่องจากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่าย ไปใช้สินค้าที่มีราคาถูกลงหรือลดค่าใช้จ่ายลงเพราะกังวลเกี่ยวกับเรื่องเงินทองในอนาคต จึงได้เริ่มลดค่าใช้จ่ายในปัจจุบันลง ดังนั้น แม้ดัชนีปรับดีขึ้นจากมาตรการของภาครัฐ แต่ภาพรวมครัวเรือนยังคงมีความกังวลจากสถานการณ์ราคาสินค้าที่ปรับสูงขึ้นในปัจจุบัน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้สำรวจเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นความสอดคล้องกันระหว่างรายได้และรายจ่ายของครัวเรือน พบว่า มีครัวเรือนจำนวน 33.8% หรือกว่า 1 ใน 3 ที่มีรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่ายรายเดือน และในสัดส่วนนี้ ครัวเรือนส่วนมาก (35.2%) ต้องการรายได้เพิ่มอีกประมาณ 10-20% เพื่อให้มีรายได้เพียงพอกับรายจ่าย (ยังไม่เหลือเก็บออม) ผลสำรวจดังกล่าวสะท้อนความเปราะบางของครัวเรือนกว่า 70% ของการสำรวจว่าไม่มีเงินเก็บออม (ครัวเรือนที่สำรวจมีรายได้ต่อเดือนส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ที่ไม่เกิน 30,000 บาท)
สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนจะเข้ามาเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ครัวเรือนมีแนวโน้มเผชิญกับภาวะราคาสินค้าที่สูง ลากยาวจากราคาพลังงานในตลาดโลกที่คาดว่าจะอยู่ในระดับสูงไปจนถึงครึ่งปีหลังนี้
ขณะที่ภาครัฐยังทยอยออกมาตรการมาแบ่งเบาภาระต่าง ๆ ต่อเนื่อง ล่าสุดมีการกล่าวถึงโครงการคนละครึ่งระยะที่ 5 ซึ่งจะมีการประเมินหลังสิ้นสุดระยะที่ 4 (เม.ย. 65) นอกจากนี้ สถานการณ์โควิด-19 ที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องยังเป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงที่ต้องจับตามอง แม้จะไม่ได้กระทบรุนแรงต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แต่อาจเป็นตัวซ้ำเติมสถานการณ์เศรษฐกิจให้มีความเปราะบางมากขึ้น