สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 23 ก.ค.ว่าสำนักงานสาธารณสุขรัฐนิวเซาท์เวลส์รายงานการพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้น 141 คนในรอบ 24 ชั่วโมงล่าสุด เป็นสถิติรายวันสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค.ปีนี้ แบ่งเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 5 คน และการติดเชื้อภายในชุมขน 136 คน ทำให้ตอนนี้รัฐนิวเซาท์เวลส์มีสถิติผู้ป่วยสะสมอย่างน้อย 7,303 คน ยังต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 137 คน และเสียชีวิตสะสมอย่างน้อย 61 ราย
นางกลาดีส์ เบเรจิกเลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ กล่าวว่า สถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ควรจะเป็น ด้วยเหตุนี้ เมืองซิดนีย์และอีก 3 เขตที่อยู่โดยรอบ จะต้องอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ต่อไปก่อน ส่งสัญญาณว่า จะมีการขยายระยะเวลาบังคับใช้คำสั่งให้นานออกไปอีกจากวันที่ 30 ก.ค. โดยเมืองซิดนีย์และพื้นที่ใกล้เคียงอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ปัจจุบัน สายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโคโรนาที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ คือเชื้อเดลตา และเชื้อโรคยังเดินทางข้ามพรมแดนพร้อมกับการเคลื่อนย้ายของประชาชน ไปยังรัฐเซาท์ออสเตรเลียที่อยู่ทางตะวันออก และรัฐวิกตอเรียที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ต้องล็อกดาวน์เมืองเมลเบิร์นซึ่งเป็นเมืองเอกของรัฐ และเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศ ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนนี้ จนถึงวันที่ 27 ก.ค. "เป็นอย่างน้อย"
ด้านนายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน แถลงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เสียใจและขออภัย ตลอดจนยอมรับความผิดพลาดของรัฐบาลกลางในกรุงแคนเบอร์รา ที่มีต่อการบริหารจัดการวัคซีน และการให้คำแนะนำแก่ประชาชน ส่งผลให้การกระจายวัคซีนทั่วประเทศไม่เป็นไปตามแผน.

เครดิตภาพ : REUTERS