เมื่อวันที่ 22 ก.ค. พล.ต.ต.สำราญ นวลมา รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว ผบก.สปพ. สั่งการให้ พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.สายตรวจ แถลงข่าวผลการจับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการค้าอาวุธปืนสงครามและอาวุธปืนที่ผิดกฎหมายผ่านทางสื่อออนไลน์ จำนวน 2 คดี จับกุมผู้ต้องหารวม 4 คน พร้อมของกลางอาวุธมือและเครื่องกระสุนปืนจำนวนมาก

คดีแรก จับกุมนายพิภพ ดาวกฤษ อายุ 38 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนยาว AK47 ขนาดลำกล้อง 7.62 มม. (ไม่มีเลขทะเบียน) จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนสั้น ขนาด .38 Super (เลขทะเบียน กท.175629) จำนวน 1 กระบอก ซองบรรจุกระสุนปืน ขนาด 7.62มม. จำนวน 1 ชุด ซองบรรจุกระสุนปืน ขนาด .38 Super จำนวน 2 ชุด กระสุนปืน ขนาด .38 Super จำนวน 18 นัด ซองพกอาวุธปืน ชนิดพกซ่อน จำนวน 1 ชุด รถยนต์ ยี่ห้อ Mercedes Benz รุ่น 190E สีดำหมายเลขทะเบียน ฉษ 5328 กทม. โดยจับกุมได้บริเวณถนนโยธาธิการ นนทบุรี หน้าวัดอัมพวัน ต.บางเมือง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ที่ผ่านมา

คดีที่สอง จับกุมนายธวัชชัย อุดมรักษ์ อายุ 30 ปี น.ส.วนิดา เชาว์ประสิทธิ์ อายุ 25 ปี และน.ส.นัทรีญา สุขมาก อายุ 28 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนยาว AK47 ขนาดลำกล้อง 7.62 มม. (ไม่มีเลขทะเบียน) จำนวน 1 กระบอก ซองบรรจุกระสุนปืน ขนาด 7.62 มม. จำนวน 1 ชุด กระสุนปืน ขนาด 7.62 จำนวน 21 นัด อาวุธปืนสั้น ไทยประดิษฐ์ (ลูกโม่) ขนาด .380 จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืน ขนาด .380 จำนวน 2 นัด กระสุนปืน ขนาด .45 จำนวน 8 นัด กระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 1 นัด ยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (ยาไอซ์) น้ำหนักรวม 2.05 กรัม โดยจับกุมได้ภายในปั้มน้ำมัน ปตท. สาขาบางคล้า ต.ท่าทองหลาง อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา

พล.ต.ต.สำราญ กล่าวว่า สืบเนื่องจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการเร่งรัดขับเคลื่อนการปราบปรามแก้ปัญหาการก่อเหตุอาชญากรรมมีผลกระทบต่อความสุขของพี่น้องประชาชน เป็นหนึ่งในปัญหาของชาติที่สำคัญต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนและจริงจัง ทาง พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น จึงมอบหมายให้ทำการสืบสวนติดตามจับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทุกประเภท กระทั่งกก.สายตรวจได้ทราบว่ามีการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้าอาวุธปืนสงครามและอาวุธปืนที่ผิดกฎหมายที่ซื้อขายออนไลน์ผ่านแอพพลิเคชั่นกลุ่ม Facebook โดยใช้ชื่อกลุ่มว่า “พอเพียง (รักกันสายบุญ” ซึ่งมีสมาชิกในกลุ่ม 1,324 คน กลุ่มดังกล่าวเป็นกลุ่มซื้อขายอาวุธปืนหลายอย่าง เนื่องจากสามารถซื้อ-ขายได้ง่าย รวดเร็ว และยากต่อการติดตาม จึงทำให้แพร่หลายอย่างรวดเร็วในกลุ่มเยาวชนและบุคคลทั่วไป ด้วยเหตุดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สืบสวนติดตาม กวดขันเพื่อปราบปรามไม่ให้อาวุธสงครามและอาวุธปืนที่ผิดกฎหมาย ประกอบกับได้รับแจ้งเบาะแสผ่านสายด่วน 191 จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 คน พร้อมของกลางทั้งหมด

จากการสอบสวนทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมทำการซื้อ-ขายอาวุธปืนผ่านทางออนไลน์ โดยใช้กลุ่มดังกล่าวเป็นสื่อกลางในการติดต่อซื้อขาย ซึ่งทำมานานกว่า 1 ปี อย่างไรก็ตามทางตำรวจอยู่ระหว่างการขยายผลเพื่อหาความเชื่อมโยงของขบวนการนี้ต่อไป