นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคาร และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า แนวโน้มการจำหน่ายที่อยู่อาศัยมือสองทั่วประเทศ มีอัตราเติบโตเพิ่มอย่างต่อเนื่อง หลังจากภาครัฐได้ต่ออายุมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และการจดจำนองที่อยู่อาศัยที่ไม่เกิน 3 ล้านบาท ให้ครอบคลุมไปถึงที่อยู่อาศัยมือสอง ประกอบกับธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ผ่อนปรนมาตรการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยชั่วคราว จนถึง 31 ธ.ค.65 ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดที่อยู่อาศัยมือสองในปี 65 ขยายตัวได้ต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดไตรมาส 4 ปี 64 พบว่าตลาดที่อยู่อาศัยมือสองมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีจำนวนหน่วยประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือน 145,753 หน่วย เพิ่มขึ้น 12.3% และมีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 990,224 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.8% โดยแยกเป็นบ้านเดี่ยวประกาศขายเพิ่มขึ้นมากที่สุด 14.4% รองลงมาเป็นทาวน์เฮาส์ เพิ่มขึ้น 12.5% ห้องชุด เพิ่มขึ้น 11% บ้านแฝด เพิ่มขึ้น 5.1% และอาคารพาณิชย์ เพิ่มขึ้น 4% ส่วนระดับราคาที่อยู่อาศัยมือสองที่ประกาศขาย อันดับแรก คือ ราคา 5.01-7.50 ล้านบาท เพิ่ม 32.9% รองลงมาราคา 7.51-10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% และอันดับสาม ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.9%
อย่างไรก็ตาม หากจัดอันดับตามมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือนของที่อยู่อาศัยมือสองที่มีการประกาศขายในไตรมาส 4 ปี 64 พบว่า 10 จังหวัดที่มีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือนสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต นนทบุรี สมุทรปราการ ชลบุรี เชียงใหม่ ปทุมธานี สุราษฎร์ธานี ประจวบคีรีขันธ์ และสมุทรสาคร โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครจังหวัดเดียว มีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือนถึง 616,614 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 62.3% เมื่อเทียบกับมูลค่าทั้งประเทศ และมีหน่วยประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือน 60,269 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 41.3%
ส่วนอันดับที่ 2-10 มีสัดส่วนมูลค่าและจำนวนหน่วยไม่ถึง 10% เมื่อเทียบกับมูลค่าและจำนวนหน่วยทั่วประเทศ ส่วนจังหวัดที่เหลืออีก 67 จังหวัด มีสัดส่วนมูลค่ารวมกันเพียง 9.1% มีสัดส่วนจำนวนหน่วยรวมกัน 23.8%