เมื่อวันที่ 22 ก.ค. น.ส.สายทิพย์ ดาวหาง อายุ 32 ปี ชาวจ.ปทุมธานี ร้องเรียนสื่อมวลชนว่า นายประเดิม ดาวหาง อายุ 70 ปี พ่อตัวเองได้เสียชีวิตลงเมื่อช่วงค่ำวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังกินข้าวแล้วเกิดอาการไอสำลักแล้วข้าวหลุดเข้าหลอดลมญาติได้นำส่งรพ.แห่งหนึ่งย่านรังสิต หมอช่วยปั๊มหัวใจตอน 21.00 น. จนชีพจรพ่อเต้น และหมอถามว่าถ้าหัวใจคุณพ่อไม่เต้นแล้วจะให้ปั๊มอีกไหม หนูก็บอกกับหมอว่าเอาให้ถึงที่สุด จนถึงเที่ยงคืนปั๊มหัวใจพ่อไม่ขึ้นแล้ว หนูบอกไม่ต้องปั๊มแล้วไม่อยากให้พ่อทรมาน และขอรับศพกลับบ้านได้เลยไหม โดยหมอได้เอาชุดตรวจโควิดของพ่อให้ดูก่อนจะบอกว่า ขึ้นจางๆ สงสัยไว้ก่อนว่าจะติดเชื้อเดี๋ยวจะส่งผลก่อน โดยจะส่งศพไปชันสูตรที่รพ.ธรรมศาสตร์ฯ และอีก 2 วัน จะรู้ผลแล้วจะโทรบอก หนูก็เลยบอกรอ
น.ส.สายทิพย์ กล่าวอีกว่า วันนี้หนูไปรับศพพ่อที่รพ.ธรรมศาสตร์ฯ แต่ปรากฎไม่มีชื่อพ่อหนูเลย แพทย์ที่ รพ.ธรรมศาสตร์ฯ ได้บอกให้ไปติดต่อที่รพ.เดิม หลังจากนั้นก็ทราบว่าศพพ่อยังอยู่ที่รพ.เดิม เขาบอกว่าได้ส่งผลไปเฉยๆ หนูก็เลยงง แล้วศพพ่ออยู่ยังไงในตู้เย็นก็ไม่มี หนูบอกว่าจะขอรับศพพ่อไป เขาบอกมันผิดกฎหมาย หนูก็บอกว่าหนูเป็นลูกแท้ๆ เจ้าหน้าที่ก็เลยบอกให้หนูไปแจ้งความ หนูจึงมาแจ้งความเพื่อขอรับศพพ่อคืน ทั้งที่พ่อหนูไม่ได้เป็นโควิดแต่ทางรพ. เอาศพพ่อหนูไปนอนรวมอยู่กับคนที่เป็นโควิด ปล่อยให้ศพพ่อเน่า
“วันนี้เป็นวันที่ 3 แล้ว ศพพ่อหนูก็ยังอยู่ที่รพ. ปล่อยให้พ่อหนูขึ้นอืด คืออะไร และไม่ได้อยู่ในห้องดับจิต คือปล่อยให้พ่อนอนอยู่รอบหน้าห้องฉุกเฉิน และก็ขึ้นไปดูพ่อไม่ได้ คือหนูไม่รู้จะทำยังไงแล้ว พอไปถามหมอก็บอกว่า มันก็ช้าทุกที่ หลายแห่งก็ช้าทั้งนั้น ทั้งที่หนูและญาติก็ยอมรับไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิตและจะขอรับศพพ่อไปทำพิธีทางศาสนาก็ไม่ให้ศพพ่อ บอกต้องรออีก 2 วัน และวันนี้ก็ให้ทางมูลนิธิปอเต็กตึ๊งมารับศพพ่อไปรพ.ธรรมศาสตร์ฯ ให้รออีก 2 วัน ซึ่งรวมแล้วต้องรอถึง 5-6 วัน ถึงจะไปรับศพได้” น.ส.สายทิพย์ กล่าว