เมื่อวันที่ 4 มี.ค. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ศาลปกครองกลางได้อ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ 81-83/2565 โดยกลับคำสั่งศาลปกครองกลาง และให้รับคำขอให้พิจารณาคดีโฮปเวลล์ ที่รัฐบาล และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ต้องจ่ายค่าเสียหาย (ค่าโง่) ให้เอกชน 2.4 หมื่นล้านบาทใหม่ ไว้พิจารณาวินิจฉัย โดยเห็นว่าต้องด้วยหลักเกณฑ์ตามมาตรา 75(4) แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองฯ และไม่ต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 วรรคสาม เพราะมติที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุดมิใช่บทบัญญัติแห่งกฎหมาย อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณคณะผู้พิพากษา ศาลปกครองสูงสุด ซึ่งแม้คำสั่งศาลดังกล่าว จะยังไม่จบกระบวนยุติธรรม แต่ถือว่าเป็นการเปิดโอกาสให้กระทรวงคมนาคม และ รฟท. ได้ดำเนินการต่อสู้คดีใหม่อีกครั้ง และยังมั่นใจว่าจะชนะคดี

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นที่กระทรวงคมนาคม และ รฟท. จะเดินหน้าสู้ต่อไป มี 4 ประเด็น ประกอบด้วย 1. เรื่องอายุความ ซึ่งการกำหนดให้เริ่มนับอายุความคดีปกครองตั้งแต่วันที่ศาลปกครองเปิดทำการคือตั้งแต่วันที่ 9 มี.ค.44 ผิดไปจาก พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 51 ที่บัญญัติว่าให้เริ่มนับระยะเวลาอายุความคดีปกครองตั้งแต่วันที่ “รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี” ถือว่าขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ 2.การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) 3.การจดทะเบียน และวัตถุประสงค์ของบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และ 4.การลงนามในสัญญา ผู้ลงนามในสัญญาไม่ใช่บริษัทที่ได้รับสัมปทาน

ด้านนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่า รฟท. กล่าวว่า คำสั่งของศาลปกครองสูงสุดดังกล่าว ถือเป็นเรื่องที่ดีกับภาครัฐ ซึ่งหลังจากนี้จะต้องเตรียมความพร้อมในการเดินหน้าต่อไปตามกฎหมาย ยืนยันว่ากระทรวงคมนาคม และ รฟท. มีความพร้อมต่อสู้ในเรื่องนี้ รวมทั้งพร้อมปรับตัวให้เข้ากับรูปคดีที่เกิดขึ้นจนถึงที่สุดต่อไป อย่างไรก็ตามส่วนตัวมั่นใจว่าการต่อสู้คดีในครั้งนี้ เราจะได้รับความยุติธรรมจากกระบวนการยุติธรรม เบื้องต้น รฟท. ได้มีการหารือกันในเรื่องของการวางรูปคดีของเรื่องนี้ให้ดีที่สุด เพื่อให้ศาลฯ ได้ค้นหาความจริงได้อย่างเต็มที่ จนนำไปสู่ดุลยพินิจที่ถูกต้อง และเราในฐานะองค์กรของรัฐ ก็พร้อมเคารพในคำตัดสินของศาลฯ อยู่แล้ว โดยเราจะพยายามทำทุกอย่างให้เต็มที่.