อาการของการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะคืออะไร? อาการที่มาพร้อมกับการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ อาจทำให้รู้สึกไม่สบาย หากอาการรุนแรงมาก ความรู้สึกไม่สบายนี้อาจส่งผลเสียร้ายแรงในชีวิตประจำวันของท่านได้

อาการทั่วไปบางอย่าง ของการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะได้แก่ รู้สึกอยากรีบปัสสาวะ ปัสสาวะบ่อยแต่ปัสสาวะได้ไม่มาก, แสบ
ร้อนขณะปัสสาวะ, ปวดหรือกดทับบริเวณท้องหรืออุ้งเชิงกราน, ปัสสาวะเป็นเลือด, ปัสสาวะผิดปกติที่อาจมีกลิ่นหรือขุ่น, ปวดทวารหนัก (ในผู้ชาย) นอกจากนี้อาจมีอาการปวดหลังส่วนบนและหน้าท้อง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตำแหน่ง อาการนี้อาจเป็นสัญญาณว่าการติดเชื้อแพร่กระจายไปยังไต ควบคู่ไปกับความเจ็บปวด ท่านอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย อาทิ คลื่นไส้ อาเจียน หนาวสั่น เป็นไข้ ฯลฯ

สาเหตุอื่น ๆ เพศสัมพันธ์เป็นสาเหตุทั่วไปของการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ แต่ก็ไม่ใช่สาเหตุเดียว ตามที่สมาคมสูตินรีแพทย์ของสหรัฐอเมริกา (The American College of Obstetricians and Gynecologists ; ACOG) มีหลายปัจจัยที่อาจทำให้เกิดการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ นอกจากการมีเพศสัมพันธ์แล้ว สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดได้แก่ ปัญหาเกี่ยวกับการถ่ายปัสสาวะออกให้หมดอย่างสมบูรณ์เมื่อปัสสาวะ, การอุดตันหรือสิ่งกีดขวางในทางเดินปัสสาวะ เช่น นิ่วในไตหรือต่อมลูกหมากโต การใช้สายสวนปัสสาวะ และการใช้ยาปฏิชีวนะบ่อยครั้ง ซึ่งอาจทำลายสมดุลของแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะ ดังนั้นหากท่านมีอาการของการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ให้นัดพบแพทย์โดยเร็วที่สุด แพทย์จะสามารถวินิจฉัยและรักษาการติดเชื้อของท่านด้วยยาที่เหมาะสม

การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะได้รับการรักษาอย่างไร การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะส่วนใหญ่สามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ ตามสมาคมสูตินรีแพทย์ของสหรัฐอเมริกา การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะส่วนใหญ่มีประสิทธิภาพมากและใช้เวลาเพียงสองสามวัน นอกจากนี้ยังมียาอื่น ๆ สำหรับการรักษาที่ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ แพทย์อาจสั่งยาแก้ปวดเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดท้องหรือรู้สึกไม่สบายขณะปัสสาวะ

หากการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ มีความซับซ้อนมากขึ้นหรือมีการติดเชื้อรุนแรงขึ้น แพทย์ของท่านอาจสั่งยาเพิ่มเติมหรือพิจารณาการรักษาในโรงพยาบาล รวมทั้งการเอกซเรย์วินิจฉัยเพิ่มเติม เมื่อมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะที่เกิดซ้ำหรือเป็นใหม่ ซึ่งมีนิยามคือมีการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะเท่ากับหรือเป็นมากกว่าสามครั้งต่อปี แพทย์ของท่านอาจพิจารณา การรักษาเพิ่มเติมเช่น ยาปฏิชีวนะขนาดต่ำที่ใช้เวลา 6 เดือน,ให้กินยาปฏิชีวนะ 1 โด๊สทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์, การบำบัดด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนในช่องคลอดสำหรับสตรีวัยหมดประจำเดือน, ระหว่างรอพบแพทย์ ให้ลองทำดังนี้ ดื่มน้ำมาก ๆ หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำที่อาจระคายเคืองกระเพาะปัสสาวะ ได้แก่ กาแฟ โซดา น้ำผลไม้ แอลกอฮอล์ สามารถใช้แผ่นประคบร้อนที่หลังของท่าน ถ้าท่านมีอาการปวดเชิงกรานหรือปวดท้อง.

————————————–
ศ.น.ท.ดร.นพ.สมพล เพิ่มพงศ์โกศล