นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้ประชุมวอร์รูมประเมินสถานการณ์ในกรณีรัสเซียกับยูเครน ได้ติดตามทั้งมาตรการการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของ 6 ประเทศ ว่าจะมีผลกระทบอย่างไรต่อการนำเข้า-ส่งออกของไทย  รวมทั้งการประเมินสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อค่าขนส่งสินค้า ตัวเลขเงินเฟ้อ รวมทั้งราคาสินค้าในประเทศ ได้เชิญทูตพาณิชย์จากมอสโกเข้าร่วมด้วย พบว่าขณะนี้ยังไม่มีผลกระทบต่อการนำเข้าและส่งออกของไทย แต่สำหรับราคาน้ำมัน มีราคาสูงขึ้นแตะ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลแล้ว ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าราคาจะขึ้นสูงกว่านี้ไปอีกหรือไม่

“ผมได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์กับกรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในส่วนของกระทรวงพาณิชย์หารือร่วมกันกับภาคเอกชน และติดตามสถานการณ์ รวมทั้งประเมินสถานการณ์ร่วมกันอย่างใกล้ชิด ถ้าพบปัญหาที่จำเป็นต้องแก้ไขเร่งด่วนจะได้แก้ปัญหาร่วมกันในทันที และให้รายงานสถานการณ์ให้ทราบทุกวัน จากการประเมินเบื้องต้น มีทั้งทางบวกและทางลบ สถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงคือ เรื่องราคาน้ำมัน เพราะจะมีผลต่อต้นทุนการขนส่งและต้นทุนการผลิตสินค้า รวมทั้งราคาสินค้าต่อไปในอนาคตได้ ขณะนี้ยังไม่ขอลงลึกเพราะไม่อยากประเมินสถานการณ์ในด้านลบทั้งหมดไปก่อนล่วงหน้า”

สำหรับด้านบวก เช่น สินค้าบางอย่างที่ประเทศไทยมีศักยภาพและสามารถเข้าไปทดแทนตลาดโลกที่เป็นตลาดเดิมของรัสเซียหรือยูเครนได้ เช่น ผลิตภัณฑ์ยางไปแข่งตลาดสหรัฐ สินค้าประมงไปยังสหภาพยุโรป อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถประเมินสถานการณ์ได้ครบถ้วนทั้งหมด เพราะเพิ่งเกิดเหตุการณ์เพียง 1-2 วัน จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป  

นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด โดยมีแผนรองรับสถานการณ์ ดังนี้ 1.ติดตามผลกระทบด้านโลจิสติกส์ให้กับผู้ประกอบการผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ 2.กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เป็นศูนย์กลางรวบรวมประสานและเผยแพร่รายชื่อผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทยที่มีความเชี่ยวชาญตลาดรัสเซียและซีไอเอส และ 3.ร่วมมือกับสมาพันธ์ สมาคมด้านโลจิสติกส์ อำนวยความสะดวกหากพบปัญหาด้านโลจิสติกส์  

นอกจากนี้ ยังติดตามกิจกรรมส่งเสริมการค้าในปี 2565 ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงโครงการขยายตลาดพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ข้ามพรมแดนในตลาดรัสเซียเดือน พ.ย.64-มิ.ย.65 เป็นต้น โดยจะประสานงานสำนักพัฒนาตลาดและธุรกิจไทยในต่างประเทศ 2 และสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมอสโก หากมีสถานการณ์เกิดขึ้นทุกฝ่ายต้องคอยติดตามและเตรียมปรับรูปแบบแผนงานรองรับ

สำหรับกับการค้าระหว่างไทย-รัสเซีย ไทย-ยูเครน ในปี 64 มีมูลค่า 2,780 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 12.84% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยไทยส่งออกไปยังรัสเซีย 1,028 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้าจากรัสเซีย มูลค่า 1,752 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกที่สำคัญ คือ รถยนต์ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล อากาศยาน ยานอวกาศ และผลไม้กระป๋อง อาหารทะเลกระป๋อง สินค้าที่ไทยนำเข้าจากรัสเซีย คือ น้ำมันดิบ ปุ๋ยและยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ สินแร่ เครื่องบิน  

ส่วนการค้าไทย-ยูเครน ในปี 64 มีมูลค่า 386 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 25.56%  โดยไทยส่งออกไปยังยูเครน 134.76 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้าจากยูเครน 251 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญไปยูเครน คือ รถยนต์ ผลิตภัณฑ์ยาง ผลไม้กระป๋องและแปรรูป อาหารทะเลกระป๋อง เม็ดพลาสติก สินค้าที่ไทยนำเข้าจากยูเครน เป็นพืช เหล็ก ไม้ซุง ไม้แปรรูป แร่ สินแร่ เป็นต้น