นายสวภพ ท้วมแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซอร์ทเอาท์ จำกัด หรือ ซอร์ท แพลตฟอร์มบริหาร จัดการออร์เดอร์ และสต๊อกครบวงจร เปิดเผยว่า ซอร์ท เป็นเทคสตาร์ทอัพ ล่าสุดได้รับการสนับสนุนด้านการเงินจาก บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด และ บริษัท บัซซี่บีส์ จำกัด และนักลงทุนอิสระ ในการเพิ่มทุนระดับซีรีส์เอ จำนวน 55 ล้านบาท โดยจะนำเงินลงทุนไปพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ รวมถึงการขยายตลาดอาเซียนอาเชียน โดยซอร์ทถือเป็นระบบจัดการออร์เดอร์ และสต๊อกแบบครบวงจรเจ้าแรกในประเทศไทย มีจุดเด่นการสร้างระบบนิเวศด้านการขายจัดการ ทุกออร์เดอร์ จากทุกแพลตฟอร์มมาไว้ในที่เดียว ครบวงจรทั้งจัดการออร์เดอร์ จัดการสต๊อก จัดการขนส่ง จัดการระบบรับชำระเงิน รวมถึงระบบจัดการบัญชี สามารถทราบถึงต้นทุนจากการขาย วิเคราะห์แนวโน้มกำไร เรียกดูข้อมูลย้อนหลังเกี่ยวกับสถิติการขาย เช่น รายการสินค้าที่ขายได้ดี ฯลฯ

“ปัจจุบันได้ให้บริการร้านค้ากว่า 3,000 ร้านค้า ได้ตั้งเป้าหมายในปี 65 มีลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 6,000 ร้านค้า ครอบคลุมร้านค้า ออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม และขยายการให้บริการไปสู่ระดับอาเซียน รวมถึงตั้งเป้าหมายระดับ 3 ปี จะสามารถ ขยายฐานลูกค้าไปถึง 18,000 ร้านค้า โดยจากการเก็บสถิติที่ผ่านมาพบว่าลูกค้ามีการเติบโตของยอดขายโดยเฉลี่ย 300% ในช่วงเวลาย้อนหลัง 3 ปีหลังจากที่ใช้ระบบของเรา ทำให้เห็นว่าระบบการจัดการร้านค้าออร์เดอร์ และสต๊อกออนไลน์ มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจไปข้างหน้า”

นายแซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด กล่าวว่า กรุงศรี ฟินโนเวต มุ่งลงทุนในสตาร์ทอัพ ที่มีศักยภาพ พร้อมนำ เทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญของสตาร์ทอัพมาช่วย พัฒนาโซลูชันให้กับกลุ่มลูกค้า เอสเอ็มอี ของกรุงศรี พร้อมทั้งสร้างโอกาสทางการเงินและการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับร้านค้าออนไลน์ที่ใช้บริการแพลตฟอร์มของ ซอร์ท ด้วย นอกจากนี้ ยังพร้อมสนับสนุนให้ขยายตลาดไปยังอาเซียน ที่กรุงศรี ได้ไปลงทุนและมีเครือข่ายอยู่ โดยเชื่อมั่นว่า ภายใน 3-5 ปี ซอร์ท จะสามารถเติบโตขึ้นจนสามารถจนทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของไทยได้ และก้าวสู่สตาร์ทอัพ ในระดับยูนิคอร์นต่อไปอนาคต

ด้าน น.ส.ณัฐธิดา สงวนสิน กรรมการผู้จัดการ และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท บัซซี่บีส์ จำกัด กล่าวว่า ซอร์ท ถือเป็นอีกแพลตฟอร์มที่ช่วยเพิ่ม อีโคซิสเต็มส์ ให้กับร้านค้าออนไลน์ทำงานด้านบริหารจัดการได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นการยกระดับธุรกิจอีคอมเมิร์ซในไทย โดยการเข้าร่วมทุนของ บริษัท บัซซี่บีส์ จำกัด ในฐานะผู้นำด้าน CRM & Loyalty Program ในครั้งนี้ ถือเป็นการต่อยอดร่วมกัน เพื่อให้ร้านค้าออนไลน์ได้รับประโยชน์สูงสุด บน อีโคซิสเต็มส์ ที่ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งจะต่อยอดในส่วนของการบริหารจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM Solutions) ทำให้ร้านค้าออนไลน์มีฐานข้อมูลลูกค้าเป็นของตนเอง และทราบถึงพฤติกรรมของลูกค้าผ่านฟีเจอร์ต่างๆ ซึ่งเป็นบริการของ บัซซี่บีส์  เช่น บน Line OA ทำให้สามารถสร้างแคมเปญได้ตรงกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละเซกเมนต์

นายโคบี้  บุญบรรเจิดศรี นักธุรกิจและนักลงทุน กล่าวว่า การลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพที่เป็น Early Stage ถือว่ามีโอกาสเติบโตสูง เนื่องจากส่วนใหญ่นักธุรกิจสตาร์ทอัพจะคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ช่วยแก้ปัญหาการทำธุรกิจในรูปแบบเดิมๆได้ด้วยเทคโนโลยี ซึ่งการนำเทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุนธุรกิจให้กับกลุ่ม SME ในด้านอีคอมเมิร์ซถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตอย่างน่าสนใจ เพราะในอนาคตอีคอมเมิร์ซจะกลายเป็นภาคธุรกิจที่จะมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับโลกอีกหนึ่งด้านที่สำคัญ