โลกธุรกิจยุคใหม่นั้น การใช้องค์ความรู้หรือกลยุทธ์แบบเดิม ๆ อาจจะไม่เพียง เนื่องจากปัจจุบันมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย ผู้ประกอบการจึงจำต้องอัพเดทอยู่เสมอ ซึ่งวันนี้คอลัมน์นี้ก็มีแนวทางเรื่องนี้มาฝากกัน ทั้งนี้ แนวทางดังกล่าวเป็นข้อมูลจากการ “ถอดบทเรียน” ของเวที “นิลมังกร เดอะเรียริตี้” รายการเกี่ยวกับสตาร์ทอัพที่สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) เข้าไปสนับสนุนให้คนรุ่นใหม่ได้มีพื้นที่นำเสนอโมเดลธุรกิจ โดยนอกจากจะเปิดพื้นที่แล้ว เวทีนี้ยังมีการถอดบทเรียนธุรกิจสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นที่ประสบความสำเร็จเอาไว้ด้วย โดยพบว่า สตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จ ต่างก็มีองค์ประกอบที่น่าสนใจ ดังนี้

“รู้จักใช้สิ่งที่มีในท้องถิ่น” ที่นำสิ่งที่รู้จักหรือคุ้นชินดีอยู่แล้วมาต่อยอดเป็นสินค้าหรือบริการใหม่, “ไม่จำกัดนวัตกรรมแค่คำว่าล้ำสมัย” แต่จะขยายไปที่การใช้นวัตกรรมเพื่อสร้างความแปลกใหม่ หรือนำมาใช้แก้ปัญหาให้กับธุรกิจด้วย, “กล้าทำสิ่งที่ไม่ซ้ำใคร” เพื่อสร้างความแตกต่างที่ตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนไป, “อดทนในการทำธุรกิจ” ถือเป็นปัจจัยพื้นฐานที่จะช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้, “ใช้ครีเอทีฟให้เป็น” เพราะความคิดสร้างสรรค์ถือเป็นอาวุธที่สำคัญของทุกธุรกิจ ที่ผู้ประกอบการจำเป็นจะต้องต้องผลักดันให้เกิดขึ้นให้ได้

สร้างแบรนด์แบบไทยเพื่อตลาดในประเทศ” เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการระดับท้องถิ่นควรทำความเข้าใจ เพราะบางคนอาจยึดติดกับการเติบโตระดับโลก จนมองข้ามความเป็นแบรนด์ในประเทศไป, เป็นนักคิดนักขาย” ที่สามารถหยิบเอากลยุทธ์ต่าง ๆ มาใช้ได้อย่างรู้ใจลูกค้า, มีทักษะแก้ปัญหาเฉพาะหน้า” เป็นทักษะสำคัญที่คนทำธุรกิจต้องมี เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเกิดความไว้วางใจในระยะยาว, ควรเป็นผู้รับฟังที่ดี” นอกจากผู้ประกอบการจะต้องเป็นนักพูดนักขายที่ดีแล้ว ที่ต้องมีคือการรับฟังทั้งคำติชม ข้อคิดเห็น ทั้งนี้ก็เพื่อให้ธุรกิจเกิดการพัฒนาอยู่เสมอ, วิ่งตาม Passion” เพราะความหลงใหลนั้น เป็นสิ่งช่วยกระตุ้นให้เกิดความมุ่งมั่นที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ให้ดีที่สุด …นี่เป็นแนวทางเกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่ “เอสเอ็มอี” ปรับใช้ได้.

ศิริโรจน์ ศิริแพทย์ [email protected]