ภายหลังจากกระทรวงสาธารณสุข ได้ถอนกัญชาออกจากทะเบียนยาเสพติดให้โทษและอนุญาติให้หน่วยงานของรัฐ และสถานศึกษาสามารถปลูก สกัด และวิจัยกัญชาทางการแพทย์ได้ จากประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ.2563 ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่ 15 ธันวาคม 2563 ถือเป็นการปลดปล็อกและเปิดโอกาสทางธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับกัญชา และกัญชง ในประเทศไทย ซึ่งยังสามารถเติบโตได้อีกมาก    

นายกาจกนิษฐ์ ศักดิ์สุภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธาราเธรา คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ธาราเธรา ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2562 จุดเริ่มต้นมาจากการศึกษางานวิจัยเกี่ยวกับกัญชา และกัญชงจากต่างประเทศ ซึ่งพบว่ามีคุณสมบัติ และคุณประโยชน์หลากหลาย โดยเฉพาะการรักษาด้วยแพทย์ทางเลือกโดยการใช้กัญชา ตลอดจนธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับกัญชา และกัญชง ซึ่งยังมีโอกาสเติบโตอีกมหาศาล โดยบริษัทได้นำเสนอโมเดลธุรกิจในรูปแบบของ One-Stop Service ในด้านของกัญชาและกัญชง เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมบริษัทเอกชน สถานศึกษา นักลงทุน หรือนักธุรกิจ ที่สนใจในธุรกิจกัญชา กัญชงด้วยความรู้ที่ถูกต้อง ทั้งในด้านการปลูก, สายพันธุ์ และการสกัดสารสำคัญที่มีความบริสุทธิ์ตามกฏหมายกำหนด  

“จากที่ศึกษา เราพบว่ากัญชา กัญชง เป็นพืชที่ปลูกให้ดียาก ยิ่งขั้นตอนสกัดสารสำคัญให้มีคุณภาพยิ่งซับซ้อน ละเอียดอ่อน ทุกอย่างสร้างความท้าทาย ความตั้งใจของเราคืออยากแสดงให้เห็นว่าประเทศไทย ก็สามารถปลูกกัญชาและกัญชงให้ดีได้ไม่แพ้ต่างประเทศ” นายกาจกนิษฐ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ด้วยจุดแข็งของบริษัท คือ ทีมงานที่มีความรู้และประสบการณ์ด้านกัญชาและกัญชง ทั้งในประเทศและต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 30 ปี โดยทีมงานจากต่างประเทศต่างได้รับรางวัลมากมายที่เกี่ยวข้องกับการสกัดสารสำคัญ พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้มีการทำวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา วิทยาลัยสหเวชศาสตร์ ภาควิชากัญชาเวชศาสตร์ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ทั้งหมดนี้ถือเป็นข้อได้เปรียบสำคัญของบริษัทในการแข่งขันในธุรกิจนี้  

“เรามั่นใจในจุดแข็งที่มี โดยเฉพาะในเรื่องทีมงานที่มีความรู้ ความเข้าใจในกัญชา และกัญชง โดยหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทยังมีธุรกิจกัญชาในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้ถ่ายโอนความรู้ รวมถึงส่งบุคลากรระดับผู้บริหารที่ทำงานอยู่ในอเมริกา มาประจำการที่ประเทศไทย เพื่อส่งเสริมและผลักดันอุตสาหกรรมกัญชา กัญชง ของไทยให้ได้มาตรฐาน  และมีคุณภาพเทียบเท่ากับต่างประเทศ เพื่อมุ่งสู่การส่งออกไปยังตลาดโลกในอนาคต” นายกาจกนิษฐ์ กล่าว

ทั้งนี้ จากธุรกิจกัญชากัญชาและกัญชงในประเทศไทย ที่มีแนวโน้มเติบโตในทิศทางที่ดีมาก ทั้งตลาดที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น บวกกับการปลดล็อกในข้อกฎหมายต่างๆ เปิดโอกาสให้บริษัทเอกชนเข้ามาในธุรกิจกัญชาและกัญชงมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งถือเป็นโอกาสทางธุรกิจของ บริษัท ธาราเธรา โดยตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา พบว่า ผู้สนใจเข้ามาติดต่อเพื่อร่วมงานกับบริษัทมากกว่า 200 ราย ทั้งองค์กรเอกชนขนาดเล็กจนถึงบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ นักลงทุน และหน่วยงานของรัฐ

โดยบริษัทได้คัดเลือกบริษัทที่มีวิสัยทัศน์ และมีศักยภาพในการเติบโต ร่วมงานด้วยประมาณ 30 องค์กร ทั้งการให้คำปรึกษา และการออกแบบ ก่อสร้าง และจัดจำหน่ายอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจกัญชา กัญชง เช่น ห้องปลูกกัญชา กัญชงในระบบปิด เพื่อสร้างผลผลิตที่มีคุณภาพทางการแพทย์ หรือโรงเรือนกึ่งปิดลักษณะกรีนเฮาส์ ซึ่งเป็น Turn Key Solutions ซึ่งได้รับการทดสอบในประเทศไทย และต่างประเทศมาแล้ว

นายกาจกนิษฐ์ กล่าวว่า วิสัยทัศน์ของ ธาราเธรา ในระยะยาว บริษัทมุ่งยกระดับอุตสาหกรรมกัญชาและกัญชงของประเทศไทย ให้มีมาตรฐานที่สูงขึ้นเทียบเคียงกับประเทศชั้นนำ และทำให้ประชาชนในประเทศสามารถเข้าถึงประโยชน์ของกัญชาและกัญชงได้ในวงกว้าง ซึ่งเชื่อว่าตลาดยังสามารถเติบโตได้อีกมาก จากการศึกษาและคาดการณ์ของ Euromonitor บริษัทวิจัยการตลาดระดับโลก พบว่า ตลาดกัญชาและกัญชงทั่วโลก มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 28.1% ต่อปีในช่วงระหว่างปี 2020-2025 และจะมีมูลค่าถึง 95,000 ล้านบาทในปี 2025

ด้านนายพสิษฐ์ จุลชาต ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ธาราเธรา คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปี 2562 บริษัทได้ทำการพัฒนาสายพันธุ์ต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันสามารถพัฒนาจนสามารถสกัดสารสำคัญในปริมาณที่สูง และได้รับการทดสอบว่าเหมาะสมในการปลูกกับภูมิอากาศของประเทศไทย โดยเป้าหมายของบริษัท มุ่งผลิดสารสกัดจากกัญชาและกัญชงที่มีคุณภาพ และเหมาะสมสำหรับการนำไปใช้ทั้งเชิงการแพทย์ (ทั้งยาแผนไทย และยาแผนปัจจุบัน) และเชิงอุตสาหกรรมในกลุ่มอาหารและเครื่องสำอาง

“ปัจจุบันรายังคงเปิดกว้างสำหรับผู้ที่ต้องการร่วมงานกับบริษัท ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจต้นน้ำ โดยเราจะเข้าไปช่วยออกแบบและก่อสร้างพื้นที่ปลูก พร้อมทั้งให้ความรู้ด้านการปลูกให้สามารถปลูกกัญชาและกัญชงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนกลุ่มเกษตรกรที่จะมาทำ Contract Farming กับเรา หรือบริษัทที่ทำธุรกิจปลายน้ำ เรากำลังมองหาพันธมิตรที่จะเข้ามาร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับกัญชาและกัญชง เพื่อให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงประโยชน์ของกัญชาและกัญชงได้มากยิ่งขึ้น” นายพสิษฐ์ กล่าว

สำหรับเป้าหมายในปี 2565 บริษัทตั้งเป้ารายได้และมูลค่าโปรเจกต์ไม่น้อยกว่า 300 ล้านบาท โดยมีแผนรุกธุรกิจการสกัดและจำหน่ายสารสำคัญจากช่อดอกกัญชง ซึ่งได้มาจากการทำ Contract Farming พร้อมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับกัญชาทางการแพทย์ หรือกัญชงเชิงอุตสาหกรรมร่วมกับพันธมิตรของบริษัท ส่วนในปี 2566 บริษัทตั้งเป้าขยายพื้นที่การเพาะปลูกกัญชาและกัญชง โดยเฉพาะพื้นที่เพาะปลูกแบบ Indoor และทำตลาดผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับกัญชาและกัญชง โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศในภูมิภาค