ที่แปลงนา นายภรนาวา บัวงาม บ้านหนองแวง หมู่ที่ 11 ต.หนองแก้ว อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ นายอนุรัตน์ ธรรมประจำจิต รอง ผวจ.ศรีสะเกษ เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมโครงการบูรณาการส่งเสริมปลูกพืชเศรษฐกิจ (หลังนา) ในเขตพื้นที่ชลประทาน โดยมีนายปราจิต แก้วลา นอภ.กันทรารมย์ พร้อมด้วย นายวิชัย ศรีโพธิ์งาม เกษตรกรจังหวัดศรีสะเกษ นายณัทเศรษฐ์ ถิรวัฒน์ธนกร ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาหัวนา (เขื่อนหัวนา), หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหาร อปท. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เกษตรกร และประชาชนในพื้นที่ให้การต้อนรับและร่วมกิจกรรม

นายวิชัย กล่าวว่า หลังจากที่เกษตรกรเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว ส่วนใหญ่ตัดสินใจที่จะทำการปลูกข้าวเป็นครั้งที่ 2 ในพื้นที่เดิม ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคและแมลง รวมทั้งความเสี่ยงด้านปริมาณน้ำที่อาจจะไม่เพียงพอต่อการเพาะปลูก ส่งผลให้ผลผลิตได้รับความเสียหาย ประกอบกับสถานการณ์ราคาข้าวของไทยมีทิศทางปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งต้นทุนแรงงาน ราคาปุ๋ย เงินเฟ้อ รวมถึงปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่ล้วนส่งผลต่อรายได้เกษตรกร เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาในระยะยาว การส่งเสริมการปรับเปลี่ยนการปลูกข้าวนาปรังเป็นพืชอื่นที่ใช้น้ำน้อย จะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาด้านราคา รวมทั้งช่วยลดการระบาดของโรคแมลงศัตรูพืช เพิ่มปริมาณการผลิต ผลตอบแทนสูงกว่าข้าวนาปรัง ใช้น้ำได้อย่างคุ้มค่ากว่า และช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดินมากขึ้น

จากสถานการณ์ราคาข้าวที่มีแนวโน้มลดลง ประกอบกับช่วงเวลาที่ผ่านมา พื้นที่การเกษตรส่วนใหญ่ประสบปัญหาภัยแล้งในบางพื้นที่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการปลูกพืชในช่วงฤดูแล้งในพื้นที่เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีการปลูกข้าวนาปรัง ทำให้มีความเสี่ยงสูงที่ผลผลิตจะเสียหายจากการขาดแคลนน้ำ และรายได้ทางการเกษตรลดลง ดังนั้น เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ของ จ.ศรีสะเกษ ได้มีการบูรณาการทำงานในการลดพื้นที่การปลูกข้าวนาปรังเป็นพืชอื่นที่ใช้น้ำน้อยและสร้างรายได้มากกว่า ซึ่งได้มีการประชุมร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมและได้มีมติเห็นชอบร่วมกันในการบูรณาการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพื่อป้อนเข้าสู่ตลาดอาหารสัตว์จังหวัดศรีสะเกษ เกษตรกรมีรายได้อย่างยั่งยืน ซึ่งมีจำนวนโคมากกว่า 400,000 ตัว มีผู้ประกอบการรับซื้อผลผลิตที่แน่นอน และเพื่อรองรับโรงงานผลิตอาหารสัตว์ที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยมีเกษตรกรสนใจเข้าร่วม 43 ราย พื้นที่ 112 ไร่

ด้าน นายณัทเศรษฐ์ กล่าวว่า เขื่อนหัวนาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ โขง-ชี-มูล ดำเนินการโดยกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรกรรมและอุปโภค-บริโภคในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2535 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2542 เป็นเขื่อนคอนกรีตพร้อมติดตั้งบานประตูเหล็กโค้ง (Radial Gate) งบประมาณค่าก่อสร้าง 2,150 ล้านบาท แต่เนื่องจากติดปัญหาเรื่องการร้องเรียนด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อมและค่าชดเชยที่ดิน จึงได้ระงับการดำเนินโครงการทั้งหมด จากนั้นได้โอนภารกิจหน้าที่ให้กับกรมชลประทานและได้แต่งตั้งคณะกรรมการศึกษาผลกระทบทางสังคมจากการก่อสร้างเขื่อนหัวนา ซึ่งแล้วเสร็จปี พ.ศ. 2552 ได้รับการอนุมัติตามมติคณะรัฐมนตรีให้ดำเนินการพัฒนาโครงการเขื่อนหัวนา จนแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2555 ซึ่งในปี 2551 ได้จัดตั้งโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามูลล่าง ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่เขื่อนราษีไศลและเขื่อนหัวนา ต่อมาปี 2561 กรมชลประทาน ได้จัดตั้งโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาหัวนา เพื่อแก้ปัญหาด้านน้ำ ทั้งน้ำท่วมและภัยแล้งในเขตพื้นที่ลุ่มแม่น้ำมูลและลำน้ำสาขาเหนือเขื่อนหัวนา รวมทั้งแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างเขื่อนหัวนา

ทั้งนี้ พื้นที่ในเขตชลประทานที่รับผิดชอบมีพื้นที่ทั้งหมด 19,000 ไร่ แต่ในส่วนของน้ำในเขื่อนหัวนา จะดูแลรับผิดชอบพื้นที่อีก 40,000 ไร่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้บูรณาการร่วมกันจัดโครงการดังกล่าวขึ้นมา โดยมีแนวคิดใช้น้ำให้เป็นประโยชน์มากที่สุด น้ำทุกหยดมีคุณค่า ดังนั้นจึงได้รณรงค์ให้เกษตรกรมีการปลูกพืชใช้น้ำน้อย หลังฤดูทำนา ไม่เฉพาะที่เขื่อนหัวนาเท่านั้น แต่รวมถึงอ่างเก็บน้ำทุกแห่งที่อยู่ในเขต จ.ศรีสะเกษ ก็ควรจะต้องมีการปลูกพืชใช้น้ำน้อยให้เป็นประโยชน์ที่สุด