นางสมพิส ทองดีนอก เกษตร จ.สมุทรสงคราม กล่าวว่า ลิ้นจี่เป็นพืชเศรษฐกิจหลักของ จ.สมุทรสงคราม ปัจจุบันมีเกษตรกรปลูก 1,920 ครัวเรือน รวมพื้นที่ประมาณ 5,196 ไร่ แยกเป็น อ.เมือง 7 ไร่ อ.อัมพวา 2,328 ไร่ และ อ.บางคนที 2,861 ไร่ จากสภาพอากาศช่วง ธ.ค.ที่ผ่านมา หนาวเย็นอุณหภูมิต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส ต่อเนื่องหลายวัน ส่งผลให้ต้นลิ้นจี่แทงช่อดอกสะพรั่งแทบทุกสวน สำนักงานเกษตร จ.สมุทรสงคราม จึงได้สำรวจการออกดอกลิ้นจี่พบว่ามีการออกดอกประมาณร้อยละ 55 ของพื้นที่ปลูก หรือ ประมาณ 2,859 ไร่ ทำให้คาดว่าลิ้นจี่จะให้ผลผลิตประมาณ 6,000 ตัน จึงประสานผู้เลี้ยงผึ้งจากจังหวัดต่างๆ เช่น ชุมพร และกาญจนบุรี ให้นำผึ้งเลี้ยงมาช่วยผสมเกสรลิ้นจี่ตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค. รวม 2,500 รัง ในพื้นที่ ต.แควอ้อม ต.สวนหลวง ต.เหมืองใหม่ อ.อัมพวา และ ต.บางสะแก อ.บางคนที

นางสมพิส กล่าวว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 20-21 ม.ค.65 เป็นช่วงที่ดอกลิ้นจี่บาน ได้เกิดภัยธรรมชาติพายุฝนตกหนักในพื้นที่ อ.อัมพวา และ อ.บางคนที มีผลกระทบต่อการติดผลของลิ้นจี่ เพราะทำให้ดอกลิ้นจี่ร่วงเป็นจำนวนมาก สำนักงานเกษตร จ.สมุทรสงคราม จึงสำรวจปริมาณผลผลิตลิ้นจี่อีกครั้ง พบว่าเป็นเรื่องน่าเศร้าของชาวสวนเนื่องจากพื้นที่ติดผลผลิตลิ้นจี่เหลืออยู่ประมาณ 498 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 9.6 ของพื้นที่ปลูกทั้งหมด 5,196 ไร่ และคาดว่าปริมาณผลผลิตลิ้นจี่น่าจะมีแค่ 450 ตันเท่านั้น โดยจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค.ถึงวันที่ 20 เม.ย.65 และผลผลิตจะมากที่สุดในช่วงวันที่ 1-10 เม.ย. คาดการณ์ประมาณ 300 ตัน